ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลา
ที่ตั้ง : ถนนนางงาม ตำบลบ่อยาง อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา
ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลา ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยเชื้อสายจีนทั้งในจังหวัดสงขลา และจังหวัดใกล้เคียง
ภายในบริเวณศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลา จะมีโรงงิ้วตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน
ถ้าพูดถึง ก๋วยเตี๋ยวใต้ถุนโรงงิ้วสงขลา จะร้องอ๋อทันที เพราะคือโรงงิ้วที่เดียวกัน ตั้งอยู่ในบริเวณศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลา วันที่ ยัยตัวร้าย ไป ก็ไม่มีก๋วยเตี๋ยวขาย ไม่แน่ใจว่าเลิกขาย หรือร้านปิด แอบเสียดาย เพราะนี่คือ อีกหนึ่งชวนชิมที่มาถนนนางงามแล้วห้ามพลาดเด็ดขาด
การกราบไหว้สักการะศาลเจ้าพ่อหลักเมือง มีป้ายบอกลำดับในแต่ละจุด ดอกไม้ ธูป เทียน มีให้บริการภายใน
จุดที่ 1 ไหว้ เทวดา ฟ้า ดิน (ถี่ก้อง) ซึ่งตั้งอยู่ภายนอกศาล
ภายในศาลเจ้าพ่อหลักเมือง จะมีเทพเจ้าสิ่งศักดิ์ต่างๆ ซึ่งจะต้องปักธูปบูชาด้านนอกศาล จะมีกระถางธูป 9 กระถาง ประกอบไปด้วย (จากซ้ายไปขวา)
- เจ้าพระยาเถี้ยนเส้ง
- รัชกาลที่ 5
- เจ้าแม่กวนอิม
- พระทรงเมือง
- องค์เสาหลักเมือง
- เจ้าพ่อหลักเมือง
- พระเสื้อเมือง
- พระครูหมอ
- เจ้าแม่ทับทิม
ประวัติศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลา
ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลาได้รับการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมจาก พระบามสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว สมัยรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ฯ ตรงกับปีขาล จัตวาศกศักราช 1204 ตรงกับ พ.ศ. 2385 โปรดให้จัดการฝังหลักไชยเมืองสงขลา ทรงพระราชทานไม้ชัยพฤกษ์หลักไชยต้นหนึ่ง ต้นเทียนไชยเล่มหนึ่ง พร้อมด้วยเครื่องไทยทานต่างๆ และทรงโปรดเกล้าให้สมเด็จพระอุดมปิฎก ประธานสงฆ์ฐานานุกรม 8 รูป ออกมาเป็นประธาน กับพระราชครูอัษฎาจารย์พราหมณ์ กับพราหมณ์ 8 นาย ออกมาเป็นประธานในการฝังเสาหลักเมืองสงขลา ครั้น ณ เดือน 4 ขึ้น 12 ค่ำ เวลาเช้าโมงหนึ่งกับ 10 นาที ได้อุดมฤกษ์ พระยาสงขลา (เถี้ยนเส้ง) กับ พระครูอัษฎาจารย์พราหมณ์ เชิญหลักไม้ชัยพฤกษ์ลงฝังที่กลางเมืองสงขลา ปรากฏอยู่ทุกวันนี้เป็นระยะเวลา 160 ปี
ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลา เป็นศาลเก่าแก่มีประวัติความเป็นมายาวนานคู่บ้านคู่เมืองสงขลา ซึ่งในอดีตเป็นที่อาศัย และย่านการค้าเก่าแก่แห่งหนึ่งของคนจีนในจังหวัดสงขลา
ทางเข้าศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลา จะมีสิงโตคู่ อยู่หน้าทางเข้า การวางรูปปั้นสิงห์จะต้องวางเป็นคู่ โดยวางสิงห์เพศผู้ไว้ทางซ้าย และสิงห์เพศเมียไว้ทางขวา ตามตำนานโบราณเล่าว่า สิงห์ตัวที่อยู่ตำแหน่งเสือขาว (หันหน้าออกด้านขวามือ) มีบรรดาศักดิ์เป็น “เส้าเป่า” เป็นสิงห์เพศเมีย มีหน้าที่เป็นราชองครักษ์ให้กับเจ้าชายของราชวงศ์ และสิงโตตัวที่อยู่ตำแหน่งมังกรเขียว (หันหน้าออกทางซ้ายมือ) มีบรรดาศักดิ์เป็น “ไท่ซือ” เป็นสิงห์เพศผู้ มีหน้าที่เป็นราชองครักษ์ของกษัตริย์ หรือ ฮ่องเต้ วิธีสังเกตเพศของสิงห์คือ สิงห์เพศผู้ เท้าหน้าจะเหยียบลูกบอล และสิงห์เพศเมีย เท้าหน้าจะเหยียบลูก
ศาลหลักเมืองสงขลา เป็นโบราณสถานสมัยรัตนโกสินทร์ ลักษณะเป็นศาลเจ้าแบบเก๋งจีน และกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนศาลเจ้าหลักเมืองเป็นโบราณสถาน เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2478
ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลา เป็นศาลเจ้าแห่งเดียวในโลก ที่ประดิษฐานทั้งเสาหลักเมือง ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามคติพราหมณ์ และเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ตามคติจีน อยู่ร่วมกันในอาคารเดียว จึงเป็นที่รวมของศรัทธาของคนจากทุกสารทิศ
องค์เทพที่ประดิษฐานในศาลเจ้า มีดังนี้
- เทวดาฟ้าดิน (ถี่ก้อง)
- เสาหลักเมือง
- เจ้าพ่อหลักเมือง (เซ่งท๋องเหล่าเอี๋ย)
- ไท่โส่ยเหล่าเอ๋ย
- เจ่เทียนไต่เส่ง
- จ่ายสิวเหล่าเอี๋ย
- พระเสื้อเมือง
- เจ้าแม่ทับทิม (ม่าจ้อโป๋ หรือ เทียนส่องเส้งโป้)
- อ๋องโบ้เหนี่ยวเหนียว
- เจ้าแม่ลิ้มกอเหนียว (หลิมฮู้กอเหนี่ยว)
- พระครูหมอ (จ้อชูก็อง)
- ไท่ส่องโล่กุ้น
- เซ้งไต่เต่
- ตี่ฮู้อ๋องเอี้ย
- พระทรงเมือง
- เจ้าพ่อเสือ
- เจ้าแม่กวนอิม
- เสด็จพ่อ ร.5
- พระยาสงขลา (เถี้ยนเส้ง)
- หมึงสิน
เสาหลักเมืองเดิมที่ ได้รับพระราชทานไม้ชัยพฤกษ์ จากพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวในปี พ.ศ. 2385 ต่อมาได้มีการปรับปรุงบูรณะ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวในปี พ.ศ.2460 โดยสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ากรมขุนพลลพบุรีราเมศวร์ อุปราชมณฑลปักษ์ใต้
ภายในศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ประดับด้วยโคมไฟระย้าไม้แบบจีน
และโคมไฟสีแดง หรือที่ชาวจีนเรียกว่า “หงเติงหลง” เป็นสัญลักษณ์แห่งสิริมงคล
ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลา ตั้งอยู่ถนนนางงาม เป็นที่เคารพสักการะของชาวสงขลา และชาวจังหวัดใกล้เคียง ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมแบบจีน และถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองสงขลา
อุปกรณ์ที่ใช้บันทึกภาพ
Body : Nikon D610
Lens : AF-S Nikkor 24-70 mm F2.8G ED
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมรีวิวค่ะ สามารถพูดคุยกันได้ที่
Face Book : ยัยตัวร้าย สะพายกล้อง / Bloggertrip
IG : @bloggertripth
Twitter : @iamdevilth
Leave a Reply