…พอดูรวมๆ แล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน
ไม่ต้องมาเขิน ฉันพูดจริงๆ
เธอมีเสน่ห์มากมาย จะน่ารักไปไหน
อยากจะได้แอบอิง ยิ่งดูยิ่งมีเสน่ห์…
ยัยตัวร้าย อารมณ์ดี๊…ดี เมื่อได้รับการติดต่อให้ไปซาปา – ฮานอย โอ๊ย…อยากกรี้ด!!! ดังๆ เลยค๊า เพราะแอบใฝ่ฝันมานานว่า สักครั้งต้องไปเยือนซาปาให้ได้ เมืองอะไรนาขั้นบันได โคตรสวยอะ ยัยตัวร้าย ไม่รอช้า ตอบตกลงในทันที อยากจะบอกว่า…โคตรตื่นเต้นเลยอะ นับถอยหลังแพ็คกระเป๋าเที่ยวเลยจ้า
แต่…เอ๊ะ! เราไปช่วงที่เค้าเก็บเกี่ยวต้นข้าวหมดแล้วนี่นา มันจะหลงเหลือบรรยากาศให้เราฟินหรือเปล่าเนี้ย ไม่เป็นไร ถือว่าเราไป survey กันก่อน แล้วรับรองต้องมีไปซ้ำ!
แอบกระซิบ! ว่าในทริปนี้ เราเป็นเด็กแว้น แว้นซะรอบเมืองซาปาด้วยนะเออ แค่นี้ก็ฟินเวอร์แล้ว ใครพร้อม มามะ…เกาะเอวแน่นๆ นะน้องนะ… เชื่อมือพี่ พี่ไหวขึ้นป่าเขา ลงห้วย พี่สามารถ ฮ่าๆๆๆๆ
แต่เดี่ยวก่อน เรามีข่าวดี! สำหรับนักท่องเที่ยวทุกคน เพราะตอนนี้ Traveloka จัดแคมเปญ EPIC SALE แคมเปญลดราคาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด โดยมอบส่วนลดสูงสุดถึง 80% จองได้ตั้งแต่ 25-29 กันยายน 2019 และเดินทางได้ถึงกลางปี 2020 เลย กดรับส่วนลดและดูรายละเอียดคลิก https://www.traveloka.com/th-th/promotion/epicsaleth
และจองตั๋วเครื่องบินไปเวียดนาม ได้ที่ https://www.traveloka.com/th-th/flight-to-vietnam
เรียบร้อยแล้วก็ตามยัยตัวร้ายไปเที่ยวกันเลยจ้า
ทริปนี้เป็นทริป 5 วัน 4 คืน เราเดินทางด้วยสายการบินนกแอร์ ซึ่งมีเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ (ดอนเมือง) บินตรงสู่ กรุงฮานอยทุกวัน วันละ 2 ไฟท์ สามารถเข้าไปดูโปรโมชั่น และทำการจองตั๋วเครื่องบินได้ที่เว็บไซ์ www.nokair.com หรือสามารถโทรไปที่ call center 1318 ได้เลยค่ะ
เราบินเที่ยวบินต่างประเทศ เค้าน์เตอร์เช็คอินปิด 1 ชั่วโมงก่อนเวลาเดินทาง แต่…ยัยตัวร้าย แนะนำว่าให้มาเร็วกว่า 1 ชั่วโมง เพราะไฟท์เช้าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางค่อนข้างสูง เราต้องมารอต่อคิวเช็คอินโหลดกระเป๋า อีกวิธีหนึ่งคือเช็คอินจากเว็บไซต์ หรือ App Mobile ของนกแอร์ มาก็ได้เช่นกัน
ยัยตัวร้าย บินไฟท์เช้า เครื่องออกเวลา 06.20 น. ถ้าใครไม่สะดวก มีอีกไฟท์ เวลา 18.20 น. แล้วแต่ใครสะดวกบินช่วงไหนก็จองเลยจ้า ยัยตัวร้าย มาถึงสนามบิน ตี 4 กลัวว่าจะตกเครื่อง เราบินไฟท์ต่างประเทศ ต้องเผื่อเวลาด้วย เพราะเราต้องผ่าน ตม. ต้องรอต่อคิว มาเร็วดีกว่า เราจะได้มีเวลาไม่ต้องรีบร้อน
ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว อดนั่งริมหน้าต่าง เลยไม่ได้ถ่ายรูปสวยๆ บนฟากฟ้ามาฝากกันเลยค่ะ พอเครื่องขึ้น ได้สักระยะ น้องแอร์คนสวยแจกอาหารว่าง เห็นแล้ว ว๊าว…นกเงือก ข้างในจะเป็นอะไรน้อ?…
เย้ย…น่ารักอะ เก็บกลับบ้านไม่อยากกินเลย ฮ่าๆๆๆ เอาใจ ยัยตัวร้าย ไปเลยค๊า ชอบๆๆ อิอิ เมื่อเช้าตื่นเช้ามาก ไม่ต้องถามค่ะหลังจากนี้ ยัยตัวร้าย เป็นเช่นไร บอกเลยค่ะว่า shutdown ตัวเองในทันที เก็บแรงไว้ซอกแซกซาปากันจ้า
ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง ก็มาถึงท่าอากาศยานนานาชาตินอยไบ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามแล้ว
เตรียม passport เพื่อผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง และศุลกากร ที่เวียดนามไม่มีใบให้เราเขียนเข้าประเทศ เรายื่นแต่ passport ให้เจ้าหน้าที่ได้เลย ผ่านตม. มาแล้วไปรับกระเป๋ากันค่ะ ไม่ต้องกลัวหลงเดินมาตามทางมีป้ายบอกตลอดทาง เดินมาเจอบันไดเลื่อน ก็ลงไปรับกระเป๋าได้เลย
พอเดินลงมา เจอป้ายว่าให้เราไปรับกระเป๋าที่สายพานเท่าไหร่ ยัยตัวร้าย เดินทางกับนกแอร์ ไฟท์ DD3202 รับกระเป๋าที่สายพาน 3 เดินไปทางขวามือตามลูกศรชี้เลยค่ะ
รับกระเป๋าเรียบร้อยเดินออกมา ทางขวามือ จะเป็นร้านขายซิมการ์ด ยัยตัวร้าย เลือกซื้อซิมการ์ดไว้สำหรับเล่นเน็ต เลือกร้านตรงกลาง ป้ายดำตัวอักษรสีเหลืองนี้ล่ะ
พี่ๆ ที่ไปด้วยกัน แนะนำซิมการ์ดของเครือข่าย VIETTEL สัญญาณถือว่าแรงเลยทีเดียว หน้าตาจะเป็นเหมือนในรูปเลย สามารถใช้ได้ทุกที่ในเวียดนาม ยัยตัวร้าย ไป ซาปา หมู่บ้านยีตี้ และฮานอย สัญญาณแรงทุกที่ แรงดีไม่มีตก
ยัยตัวร้าย มีแพ็กเกจมาให้ดูด้วย สำหรับ ยัยตัวร้าย เลือก โปรล่างสุด Only Internet Access ใช้เล่นเน็ตอย่างเดียว เล่นได้ไม่จำกัด ฟรีความเร็ว 7 GB ใช้ได้ 1 เดือน ราคาอยู่ที่ 200,000 ดง (VND) หริอ 9 USD ประมาณ 3xx บาท
ยัยตัวร้าย แนะนำให้แลกเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) แล้วมาแลกเงินดงเวียดนาม (VND) จะได้ราคาดีกว่า เราแลกที่สนามบินได้เลย มีบูธแลกเงิน (Exchange) อยู่ค่ะ ถ้าใครเงินไม่พอจะช้อปปิ้งกันอีกในตัวเมืองฮานอยจะมีร้านทัวร์รับแลกเงินอยู่ ได้ราคาดีกว่าสนามบินด้วย ไว้ติดตามรีวิวฮานอย ยัยตัวร้าย จะชี้เป้าให้ค่ะ แต่ที่ซาปาไม่แน่ใจว่าจะมีร้านให้แลกหรือเปล่า แต่ถ้าเรามากับไกด์ทัวร์ ไกด์ท้องถิ่นจะมีให้แลกด้วย เราสามารถนำเงินไทยบาทแลกเป็นดงเวียดนามได้เลย (10,000 ดง (VND) เท่ากับ 15-16 บาท)
ยัยตัวร้าย มาเป็นหมู่คณะ เลยได้นั่งรถบัสไปยังซาปา ใช้เวลาเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาตินอยไบ หรือสนามบินฮานอย ไปยังซาปาใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง
ลองท้องกันก่อน แซนวิชเวียดนาม ที่เรียกกันว่า “ขนมบั๋นหมี่” มีผักซะส่วนใหญ่ และมีไก่บดสอดไส้อยู่ในขนมปัง ราดด้วยซอสมะเขือเทศ หรือซอสพริก ก็อร่อยไปอีกแบบ แต่ขนมปังแอบแข็งไปนิดอะ กล่องเล็กๆ คือ นมถั่วเหลือง รสชาติเหมือนแลคตาซอยบ้านเราแต่หวานน้อยกว่า
เราจะแวะรับประทานอาหารเที่ยงกันที่เมืองลาวไก ใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมง ไกด์ท้องถิ่น จะให้เราแวะเข้าห้องน้ำ 2 จุด ไกด์บอกว่าเป็นห้องน้ำที่สะอาดที่สุดแล้ว
จุดห้องน้ำแรกที่แวะ ไกด์บอกว่า เป็นห้องน้ำที่โล่งมาก มีแค่แผ่นกั้นซ้ายขวาเท่านั้น ยัยตัวร้าย ก็นึกภาพไม่ออก เพราะไม่ได้เข้าไปด้วย มัวแต่หามุมโพสต์ท่าสวยๆ จะได้เช็คอินว่าถึงแล้ว
หามุมโพสต์ท่าสวยๆ แล้ว เดินทางกันต่อ
ข้างทางที่เราจะเดินทางเข้าสู่เมืองลาวไก หยู…ท้องฟ้าใส แดดเปรี้ยง! ซาปา จะเป็นแบบนี้มั้ยน้อ แอบจินตนาการไว้ก่อน
ถึงแล้วลาวไก นี่คือสถานีรถไฟจ้า ใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศลองนั่งรถไฟ ก็ได้ความฟินไปอีกแบบนะเออ
ภาษาเวียดนามอ่านไม่ออกอะ แต่ที่รู้แน่ๆ ตอนที่ท้องเริ่มร้องแล้วอะ เราเลยแวะกินอาหารเที่ยงกันที่เมืองลาวไก
ร้านอาหารที่เราฝากท้องสำหรับมื้อเที่ยง ร้านนี้เลยค่ะ LE BORDEAUX
ร้านตั้งอยู่ที่ถนนนี้เลยค่ะ แอบเอาที่อยู่ร้านบอกพิกัดนิดนึง
Le Bordeaux Address : 322 Nguyen Hue Street, Lao Cai Province
เมนูอาหารมื้อเที่ยงของเรา ส่วนมากอาหารของเวียดนามจะไม่เผ็ดจะเน้นผักเป็นหลัก ร้านนี้ ยัยตัวร้าย คิดว่าน่าจะถูกปากคนไทยนะ เพราะ ยัยตัวร้าย ยังขอเบิ้ลเลย ^_____^
ถึงมีกับข้าวเยอะขนาดไหน ก็ไม่พลาดที่จะสั่งไข่เจียว ยัยตัวร้าย ว่า แค่ไข่เจียว ก็กินได้ทุกมื้อแล้วอะ
จากเมืองลาวไก เดินทางต่อไปซาปาใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที เราเช็คอินเข้าที่พักกันก่อนที่โรงแรม SAPA LEGEND HOTEL
SAPA LEGEND HOTEL Adress : 1, Thu Dau 1, Sapa Town
รับ welcome drink กันก่อน ทีแรกนึกว่า sparkling wine ซะอีก แต่เป็นน้ำมะนาวผสมน้ำเชื่อม
เราได้ห้องพักเป็นเตียงคู่ ถือว่าเตียงนุ่มดูดวิญญาณกันเลยอะ หรือง่วง พอหัวถึงหมอนปุ๊บหลับเป็นตายเลย
โอ้แม่เจ้า! ห้องน้ำซีทรู สามารถมองผ่านจากตัวห้องนอนได้เลย มันก็เหมาะสำหรับมา in love แต่ไม่เหมาะกับ ยัยตัวร้าย เท่าไหร่ ฮ่าๆๆ มันว๊าบหวิวเกินอะ แต่หายห่วงมีม่านกั้น
ห้องน้ำมีอ่างให้เราสามารถแช่ตัวได้ด้วย shower ก็มีให้เลือกทั้ง 2 แบบ แล้วแต่เราจะเลือกอาบเลยจ้า
ดีมากอะ มีไดร์เป่าผมให้ด้วย แต่เดี่ยวนะ ได้ข่าวว่า ยัยตัวร้าย สระผมเสร็จไม่ค่อยจะไดร์ผมเลยนี้นา มีหรือไม่มีมันก็เหมือนกันเปล่าอะ แต่สำหรับคนที่ขาดไดร์เป่าผมไม่ได้ ที่นี่ตอบโจทย์ของคุณเลย
ได้เวลาที่เราจะไปซอกแซกซาปากันแล้ว ยัยตัวร้าย ก็ไม่เคยมาซะด้วยสิ ครั้งนี้ครั้งแรกเลย มีหน้าที่เดิมตาม พี่ๆ ไปไหนเราไปด้วย ช่วงจังหวะเดินตามพี่ๆ โอ้ อะไรเนี้ย หมูหัน ย่างกันจะๆ หน้าร้านเลย
ซาปา (SAPA) ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของประเทศเวียดนาม ใกล้กับชายแดนจีน ห่างจากรุงฮานอยประมาณ 350 กิโลเมตร ซาปาอยู่ในเขตจังหวัดลาวไก มีอากาศหนาวเย็นตลอดปี ทำให้เพาะปลูกพืชผักผลไม้เมืองหนาวได้ดี และเป็นดินแดนแห่งขุนเขาที่มีความหลากหลายของชาติพันธุ์มากที่สุดในประเทศเวียดนาม
ในอดีตเมืองซาปาเคยถูกให้สร้างขึ้นเป็นเมืองตากอากาศของชาวฝรั่งเศสที่เข้ามาปกครองในสมัยยุคอาณานิคม ในปี พ.ศ. 2465 และได้มีการสร้างสถานีภูเขาขึ้น เพราะด้วยเมืองซาปาโอบล้อมด้วยขุนเขาน้อยใหญ่จึงทำให้มีอากาศเย็นตลอดปี
เราเดินมายังโบสถ์ในเมืองซาปา โบสถ์นี้มีชื่อว่า Notre Dame Cathedral หรือบางคนเรียกโบสถ์แห่งนี้ว่า STONE CHURCH
เวลาค่ำคืน โบสถ์แห่งนี้จะเปิดไฟสีสันสวยงามด้วยอะ
แถวๆ โบสถ์จะมีรถให้บริการเที่ยวรอบเมืองซาปา ถ้าใครอยากใช้บริการ ก็ลองสอบถามต่อรองราคากันดูนะคะ
ตรงด้าหน้าโบสถ์จะเป็นลานกิจกรรมกลางแจ้ง มีชื่อว่า Quang Truong Square
เป็นลานใจกลางเมืองซาปาที่รวมแหล่งบันเทิง กีฬา โดยเฉพาะชาวเขาจะนำของมาขายบริเวณนี้ด้วย
เราเดินผ่านลานกิจกรรมมาทางซอยที่รวมแหล่งช้อปปิ้ง จุดหมายของเราจะเป็นร้านกาแฟ ที่วิวสวยสุดๆ เป็นแลนด์มาร์คที่ใครๆ ต้องมาเยือน
ในเมืองซาปาจะมีร้านค้าขายพวกเสื้อกันหนาวของยี่ห้อ North Face เยอะมาก พี่ๆ บอกว่าอยากมาช้อปยี่ห้อนี้ ที่นี่เลย ขอบอกถูกมาก ก่อนมา ยัยตัวร้าย บอกกับพี่ๆ ว่า ไม่ช้อปหรอกเสื้อหนาวเยอะแล้ว เป็นไงพอมาถึงที่ ได้ไปกี่ตัว ตอบ!!! ฮ่าๆๆๆ
จุดหมายที่เราจะมาร้านกาแฟเล็กๆ แต่วิวสวยมาก นั่นคือ ร้าน Cafe In The Clouds สไตล์การตกแต่งของร้านก็น่ารักดีอะ มีมุมให้เราโพสต์เป็นนางแบบได้ตั้งหลายจุดเลย
ร้านกาแฟมี 2 ชั้น เราเลือกที่จะมานั่งบนชั้น 2 ช่วงที่เรามาอากาศเย็นมีหมอกจางๆ พี่ๆ ที่เคยมาซาปา แนะนำร้านนี้เลย วิวดี เหมาะกับการมาชมพระอาทิตย์ตกด้วย
กาแฟที่นี่จะเสิร์ฟแบบในรูปเลยค่ะ คือ ใส่ผงกาแฟไว้ในถ้วยด้านบนใส่น้ำร้อน แล้วน้ำจะค่อยๆ ลงไปในถ้วยกาแฟ คล้ายๆ กับเราชงชา ยัยตัวร้าย ไม่ดื่มกาแฟเลยไม่ชิมว่ารสชาติดีหรือเปล่า แต่พี่ๆ ที่ไปด้วยกันบอกว่ารสชาติดีเลยทีเดียว ใครที่มาเมืองซาปาก็อย่าลืมแวะมาลิ้มลองกาแฟที่ร้านนี้ด้วยนะ แล้วมาบอก ยัยตัวร้าย ด้วยนะคะว่า รสชาติกาแฟเยี่ยมหรือเปล่า
บนชั้น 2 ร้านกาแฟ สามารถมองวิวได้แบบ 360 องศาได้เลย มองจากทางซ้าย จะมองไปยังเมืองซาปา
มองมาทางขวาก็จะเจอกับสิ่งปลูกสร้าง ยัยตัวร้าย ก็ไม่แน่ใจว่าจะเป็นร้านอาหาร หรือโรงแรม แต่บรรยากาศ ณ จุดนั้นคงฟินน่าดูเลยทีเดียว
แอบบลุ้นว่าจะได้ชมพระอาทิตย์ตกหรือเปล่า เห็นเมฆแล้วน่าจะไม่ได้ชม แต่แอบมีแสงส่องผ่านมาให้ลุ้นนิดนึง ได้แค่นี้ก็ดีแล้วอะ ยอดเขาสูงๆ นั้น คือ ยอดเขาฟานซิปัน อดใจรอสักนิด ยัยตัวร้าย จะพาไปพิชิตยอดเขาฟานซิปันกันค่ะ
เราเดินกลับไปทางเดิมเพื่อเดินไปยังทะเลสาป ผ่านลานกิจกรรมท้องฟ้าสีสวยมาก ไม่พลาดที่จะแชะภาพเก็บเป็นที่ระลึกซะหน่อยแล้ว
บริเวณริมทะเลสาป มีสวนสาธารณะให้เราได้มานั่งพักผ่อน ชมวิว บรรยากาศดีมากเลยอะ
เราได้ชมพระอาทิตย์ตก แต่ไม่ได้เห็นไข่แดงกลมๆ มีแสงสาดส่องเพียงเล็กน้อยก็ยังดี เมื่อสิ้นแสงตะวันเราก็มาเดินเล่นนั่งชมบรรยากาศที่ทะเลสาปชมความงามของเมืองซาปายามค่ำคืน
ทะเลสาปแห่งนี้มีชื่อว่า Sa Pa Lake ยามค่ำคืน ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร โรงแรม บ้านเรือน ก็เปิดไฟ เพิ่มสีสันให้เข้ากับบรรยากาศค่ำคืน
บริเวณทะเลสาป จะเป็นสวนหย่อมย่อมๆ ให้เรามาเดินเล่น พักผ่อนได้ด้วย และโรงแรมที่เราพักก็อยู่ไม่ไกลกันนัก
ได้เวลานัดหมายที่เราต้องไปกินมื้อเย็น รวมตัวกันหน้าโรงแรม
ร้านอาหารที่เราฝากท้องมื้อเย็น อยู่ห่างจากโรงแรมพอสมควร เราเดินจากที่โรงแรมมาร้านอาหารผ่านลานกิจกรรมมาเรื่อยๆ ย่านนี้ ร้านอาหารจะเยอะพอสมควร
ร้านอาหาร Res Dao House Restaurant & Bar ที่เราจะรับประทานมื้อเย็นกันค่ะ
Res Dao House Restaurant & Bar Address : 04B – Thac Bac street, Sapa town, Lao Cai province
พอตกค่ำอากาศในซาปาค่อนข้างหนาว เราเลยจิบน้ำชาร้อนๆ เพื่อแก้หนาวกันจ้า
ค่ำคืนนี้ เมนูอาหารเยอะมาก ไฮไลท์ ของร้านนี้ นี่เลย ปลาแซลมอนจีนหม้อไฟ ใครมาร้านนี้ไม่ควรพลาดนะจะบอกให้
อรุณสวัสดิ์ยามเช้า พร้อมกับหมอกจางๆ และความหนาวของเมืองซาปา วันนี้เราจะซอกแซกซาปา โดยการแว้นกันจ้า เราไปรับรถมอไซด์ กันแถวๆ ร้าน Cafe In The Clouds ที่เราไปชมพระอาทิตย์ตกกันเมื่อวาน กว่าจะได้รถมอไซด์ ก็เลยเวลาที่เราตั้งไว้ คือ เราจะออกกันเช้าๆ เพื่อจะได้ซอกแซกซาปากันให้หน่ำใจ ผิดแผนเลยทำให้เราออกมากันสายแล้วค่ะ
ขอบคุณรูปภาพจาก Go Travel น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา จากรีวิว ซอกแซกซาปา เวอร์ชั่นพิกัดจุดถ่ายนาขั้นบันได
เส้นทางที่เราจะซอกแซกซาปา ระยะทางประมาณ 2.8 กิโลเมตร ในการแว้นครั้งนี้
ขอบคุณรูปภาพจาก Go Travel น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา จากรีวิว ซอกแซกซาปา เวอร์ชั่นพิกัดจุดถ่ายนาขั้นบันได
รถพร้อม คนพร้อม Go…Go กันเลยจ้า
อ้อ! ลืมบอกไปว่าเส้นทางที่เราจะไปเส้นทางค่อนข้างจะโหดนิดหน่อย ใครที่ขี่มอไซด์ไม่ชำนาญแนะนำให้ขี่คนเดียว จะดีกว่า ส่วน ยัยตัวร้าย เป็นเด็กแว้นเก่าทางแค่นี้สบายๆ ยัยตัวร้าย เป็นคนขี่ และมีเพื่อนร่วมทริปซ้อนท้ายด้วย ถ้าเราไปตามถนนเส้นหลักใครที่ไม่ชำนาญขี่มอไซด์ก็ยังไปได้อยู่นะ ทั้งนี้ทั้งนั้นวัดความสามารถของตัวเองดูแล้วกันค่ะ
เส้นทางที่เราไปมีไกด์ท้องถิ่นนำทาง จุดแรกที่แวะถ่ายรูปกัน มองไปทางขวาจะเห็นเมืองซาปา ตึกรามบ้านช่องลดหลั่นกันตามภูเขา พร้อมด้วยหมอกจางๆ อากาศเย็นสบาย
เมืองซาปา ขึ้นชื่อว่า เป็นเมืองแห่งนาขั้นบันไดที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่ง อย่างที่ ยัยตัวร้าย กล่าวไปแล้วว่า ช่วงเวลาที่เรามาเค้าเก็บเกี่ยวต้นข้าวกันหมดแล้ว
ถ้าเรามาถูกช่วงฤดูปลูกข้าวนาขั้นบันไดก็จะเขียวขจีโคตรสวย และถ้าเรามาช่วงก่อนเก็บเกี่ยวต้นข้าวจะสีทองอร่ามตระการตากันเลยทีเดียว
แต่ถึงอย่างไรเราก็ไม่เสียใจ เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าเรามาผิดช่วง แต่ก็ยังอยากจะมาอยู่ดี อยากมาดูความอลังการของนาขั้นบันไดที่เราได้มองเพียงผ่านภาพถ่ายเท่านั้น อิจฉาเพื่อนๆ ที่เคยมาเยือนแล้ว แต่ก็ไม่ผิดหวัง เพราะครั้งนึง ยัยตัวร้าย ก็ได้มาเยือน นาขั้นบันไดแห่งเมืองซาปาแล้ว แค่นี้ก็คุ้มแล้วค่ะ
สิ่งปลูกสร้างที่ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขา เป็นที่ขึ้นกระเช้าที่เราจะไป ยอดเขาฟานซิปัน (Fansipan)
เราภาวนาว่าขอให้เราถึงบนยอดเขาฟานซิปันขอให้ฟ้าเปิดด้วยเถอะ เพราะยากมาที่ฟ้าจะเปิด เราค่อยมาลุ้นกัน แต่ตอนนี้เราต้องไปซอกแซกซาปากันต่อแล้ว
ระหว่างทางที่เราจอดถ่ายรูป จะมีชาวเขา ขายของพื้นเมือง ใครจะช่วยอุดหนุนก็ลองต่อราคาเอาเลยจ้า แล้วแต่ความสามารถของส่วนบุคคล
ยัยตัวร้าย ได้เชือกข้อมือมา 1 เส้น จำราคาไม่ได้แล้วว่าราคาเท่าไหร่ เราต่อราคาเลยได้มา 2 เส้น แบ่งกับพี่ร่วมทริปคนละเส้น ได้แล้วของที่ระลึกจากซาปามอบให้ตัวเอง
เราก็มุ่งหน้าขี่ตามไกด์ท้องถิ่นไปเรื่อยๆ ตรงไหนสวยเราก็จอดแวะถ่ายรูปเก็บบรรยากาศไปเรื่อยๆ ถึงจะมีหมอกเราก็ไม่หวั่น อากาศกำลังดีขี่รถสบายเลย
ตามนาขั้นบันได ก็มีบ้านคนปลูกอยู่กลางนาขั้นบันได
ขนาดเรามาผิดช่วงฤดู นาขั้นบันไดเยอะมาก ตามภูเขาทุกลูก เต็มไปด้วยนาขั้นบันได นี่ถ้ามาถูกช่วงไม่ต้องบรรยายความสวยงามเลยว่าจะขนาดไหน ไม่ต้องห่วงค่ะ ที่นี่ เราจะกลับมาซ่อมกันใหม่
ไม่เพียงมีแต่นาขั้นบันได ระหว่างทางก็มีลำธารไหลผ่านให้เราได้พบเห็นกัน
สะพานแขวนกำลังสร้าง แต่แอบเสียวเหมือนกันนะนั้น เพราะข้าล่างดูแล้วมันลึกยิ่งนัก
ถ้าเรากลับมาอีกครั้งสะพานแขวนคงเสร็จแล้ว ครั้งหน้าเราจะได้มาเยือนสะพานแขวนแห่งนี้กัน
โอ้! ระหว่างทางที่เราแว้น มีน้ำตกเล็กๆ ให้ได้ชื่นชมกันด้วย
ดูเส้นทางที่เราขี่กันมาซะก่อน อย่างที่ ยัยตัวร้าย เตือนไว้ว่า ทางที่เราขี่กัน มีบางช่วงโหดนิดหน่อย ใครไม่แน่ใจในฝีมือการขี่มอไซด์ของตัวเอง ก็อย่างเสี่ยงมีคนซ้อนท้าย บางช่วงคนซ้อนต้องเดินลง เพราะทางมันลาดชันเกินไป
เราขี่กันต่อไปยังหมู่บ้านตาฟาน (Ta Van) ใครที่รักการถ่ายภาพ Landscape ที่นี่เลย เหมาะมาก ยัยตัวร้าย คอนเฟิร์มว่าที่นี่นาขั้นบันไดเค้าสุดยอดแล้ว
เมื่อเช้าเราออกกันมาเช้าตรู่ อาหารเช้าก็ยังไม่ได้กินกัน เราเลยแวะกินข้าวเช้ากันที่หมู่บ้านม้งดำ
สะพานข้ามก็แอบกลัวหล่นไปในลำธารซะเหลือเกิน เค้ายังสร้างสะพานไม่เสร็จ มีแค่เหล็กแผ่นรองให้เราเดินข้ามไป ใครที่กลัวความสูงโปรดหาเพื่อนจับมือเดินไปด้วยกันน่าจะดีกว่า
วิวจากร้านอาหารที่เราแวะกินอาหารเช้ากัน ไม่ต้องถามหาแสงแดด ดู๊…ดู คาดว่าคงมีหมอกกันทั้งวัน
อากาศหนาวๆ แบบนี้ ขอชาร้อนๆ สักแก้ว ดีกว่า จิบชาร้อนๆ ทำให้ร่างกายเราอุ่นขึ้น
ถือว่าเป็นอาหารหลักของเวียดนามเลยก็ว่าได้ ชามนี้ที่ชาวเวียดนามเรียกกันว่า “เฝอ” ก็เหมือนก๋วยเตี๋ยวน้ำบ้านเรานี่ล่ะ
แต่ละที่การปลุงรสชาติเฝอจะแตกต่างกัน แต่จะมีเครื่องเคียงที่เหมือนกันตรง พริก เกลือ และมะนาว
breakfast ก็มีน๊า ไข่ดาว ขนมปัง เสิร์ฟพร้อมผักสดๆ ก็อร่อยไปอีกแบบ ทำให้เช้านี้เรามีแรงซอกแซกซาปาต่อแล้ว
เราก็มุ่งสู่หมู่บ้านตาฟานกันต่อ ระหว่างทางก็จะมีชาวเขาขายของอยู่ตามข้างทาง ของที่ขายก็เป็นของพื้นเมืองเลือกซื้อเป็นของที่ระลึกกันได้นะ
ระหว่างทางเราได้จอดแวะถ่ายรูปกันที่รีสอร์ท Eco Palms House ฝรั่งมาพักที่นี่เยอะมาก และที่สำคัญบรรยากาศโคตรฟิน มองจากห้องพักเนี้ย นาขั้นบันไดอยู่เบื้องหน้าเราเลย
และจะบอกว่ามุมถ่ายรูปเก๋ๆ ก็เยอะอีกเช่นกัน ยัยตัวร้าย ขอแนะนำที่พักที่นี่เลย อย่างฟิน
เราก็แว้นกันต่อ ตลอดทางที่เราแว้นก็เจอนาขั้นบันไดตลอดทาง และจะเห็นหมู่บ้านปลูกสร้างตามไหล่นาขั้นบันได
นาบางแปลงก็มีเก็บเกี่ยวข้าวให้เราเห็นบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเก็บเกี่ยวกันหมดแล้ว
เจ้าทุยอยู่ไหน เจ้าทุยอยู่ไหน อยู่นี่ไง เราก็ยังเห็นควายตามท้องทุ่งนาเช่นกัน
วิถีชีวิตของชาวบ้าน เค้าก็อยู่ร่วมกับธรรมชาติ ไม่ได้ถึงกับขั้นศรีวิไลจนไม่หลงเหลือความเป็นชนบทอยู่เลย ถ้าเทียบกับในเมืองซาปาแล้ว ที่หมู่บ้านตาฟานเงียบสงบมาก
ตามทางที่เราได้ขี่มอไซด์ ก็มักจะพบกับเด็กน้อย บางคนก็เอาสายข้อมือมาขาย บางคนก็เดินเล่นตามทาง พี่ๆ ร่วมทริป บอกว่า ถ้าขอถ่ายรูปเค้า เอาลูกอมให้เค้าก็ได้ แต่บางทีอาจโดนเก็บเงินค่าถ่ายรูปเค้าก็ได้นะ แต่ทางที่ดีติดลูกอมไปด้วยจะดีกว่า
ซอกแซกซาปากันจุใจแล้ว เราก็มาถึงหมู่บ้านตาฟานแล้วจ้า ระหว่างที่เราแว้นก็ได้เจอกับแม่หมู และลูกหมูเดินอยู่ริมถนนน่ารักซะจริงๆ
ร้านอาหารที่เราจะกินมื้อเที่ยงกันจะอยู่ในหมู่บ้านตาฟาน ตั้งอยู่ติดกับลำธารเลยค่ะ
ภาพวิถีชีวิตแบบธรรมชาติไม่ปรุงแต่ง เราสามารถพบเห็นได้ในหมู่บ้านตาฟาน และในซาปา
ทางเข้าร้านอาหารของเรา ดูไม่เหมือนร้านอาหารเลยใช่มั้ยเอ่ย มามะหิวแล้ว แว้นทั้งวันท้องเริ่มร้องแล้ว ร้านอาหารนี้มีชื่อว่า Ta Van
Ta Van Address : Ta Van village, Sapa town
เมนูมื้อเที่ยงของเรา ยัยตัวร้าย ชอบซุปข้าวโพดมาก หอม อร่อยกลมกล่อม จนต้องขอพี่ๆ ที่เค้าไม่กิน อิอิ ก็ขอมันอร่อยต้องมีเบิ้ล และกะทะร้อน เป็นเนื้อเป็ดก็อร่อยมาก แต่ไม่มีให้เบิ้ลอดไปตามระเบียบ
เราต้องแว้นกลับไปในเมืองซาปากลับไปยังโรงแรม เพื่อไปรวมตัวไปยังสถานที่ต่อไป ระหว่างแว้นกลับโรงแรม ก็พบกับชาวเขา ในหมู่บ้านตาฟานจะมีชาวเขาซะส่วนใหญ่ เราไปทางไหนก็จะได้พบเจอเห็นตลอดทาง
จุดมุ่งหมายต่อไป คือ พิชิตยอดเขาฟานซิปัน (Fansipan) ลุ้นว่าฟ้าจะเปิดหรือเปล่า ป่ะเดินเข้าไปในตัวอาคาร เพื่อขึ้นกระเช้าสู่ยอดเขาฟานซิปันกันค่ะ
ตรงข้ามทางเข้าตัวอาคารที่เราไปขึ้นกระเช้ามีวัดจีนตั้งอยู่ด้วย
ฟานซิปัน ห่างจากตัวเมืองซาปาประมาณ 3 กิโลเมตร เราสามารถเรียกรถแท็กซี่ให้มาส่งได้ แต่ขากลับ ยัยตัวร้าย ก็ไม่แน่ใจว่าจะกลับเข้าเมืองซาปาได้ยังไง เพราะไม่เห็นมีรถแท็กซี่จอดรอสักคัน ยัยตัวร้าย ต้องกราบขออภัยที่ไม่มีข้อมูลให้ในตรงจุดนี้
ก่อนขึ้นกระเช้าเพื่อไปยังยอดเขาฟานซิปัน เราต้องซื้อตั๋วกันก่อน ราคาอยู่ที่ 600,000 ดง (VND)
เมื่อซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้ว เดินผ่านทางเข้า เพื่อที่จะขึ้นกระเช้า
ยอดเขาฟานซิปัน มีความสูงถึง 3,143 เมตร เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในเวียดนาม และสูงที่สุดในคาบสมุทนอินโดจีน ถ้า ยัยตัวร้าย จำไม่ผิด กระเช้าสามารถบรรจุได้ 16 คนต่อ 1 กระเช้า ขอบอกตั้งแต่นั่งกระเช้ามาที่นี่จุได้เยอะมาก แถมเวลาเราผ่านตรงเสาของสายเคเบิ้ลไม่กระตุกผ่านไปได้อย่างนิ่มมาก ขนาดเทียนเหมินซาน จางเจียเจี้ย ประเทศจีน ยังกระตุกให้หวาดเสียวเล่นเลย
วิวจากกระเช้า มองเห็นนาขั้นบันได และบ้านที่ปลูกอยู่ท่ามกลางนาขั้นบันได
หมอกหนามากมองไม่เห็นปลายสถานีที่เราจะไปเลยอะ เราไปถึงยอดเขาฟานซิปันฟ้าไม่เปิดแน่นๆ เลย เศร้าใจจุง
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที ก็มาถึงยังสถานีปลายทาง แต่ยังไม่ถึงยอดเขาฟานซิปัน เราต้องเดินขึ้นบันไดไปอีก แต่ไม่แน่ใจว่ากี่ขั้น
นี่เพิ่งเริ่มต้นในการเดินขึ้นบันได เพื่อพิชิตยอดเขาฟานซิปัน
โดนกดดันไว้เยอะมาก โดนเป่ากะหม่อมก่อนมาว่า บันไดทางขึ้นยอดเขาฟานซิปันชันนะ ระวังหายใจไม่ทัน มันสูงมาก เอาแล้วจะขึ้นถึงหรือเปล่าเนี้ย เอาว๊ะไหนๆ ก็มาถึงซาปาแล้ว ถ้าไม่ได้พิชิตยอดเขาฟานซิปันคงพลาดอย่างแรง แถมอายุยังไม่เยอะ ภูสอยดาวก็เคยพิชิตมาแล้ว แค่นี้จิ๊บๆ ปล.โดนพี่ๆ กดดัน ฮ่าๆๆๆ
ระหว่างทางมีวัดจีนให้เราได้เข้าไปกราบไหว้สักการะกันด้วย
โอ้! ขุ่นพระ! นั้นบันไดที่เราต้องเดินใช่มั้ย เอาแล้ว เริ่มเกิดอาการตั้งแต่ยังเดินไม่กี่ขั้น ยัยตัวร้าย เตรียมพร้อมมาก ยาดม ยาลม ยาหอม พกมาทุกอย่าง เพื่อพิชิตยอดเขาฟานซิปัน ไม่ต้องกลัวค่ะ ตลอดทางเดินจะมีม้านั่งให้เราพักเป็นระยะ ถ้าให้ดีพกน้ำเปล่ามาสักขวด เพื่อจิบน้ำเรื่อยๆ ก็ช่วยได้ ทั้งหมดที่บอกมา ยัยตัวร้าย ก็ทำแบบนี้ล่ะค่ะ ยิ่งสูงความกดอากาศยิ่งต่ำ ถึงเราจะเดินไม่ไกล แต่หัวใจเราเต้นแรงมาก ค่อยๆ เดิน ไม่ต้องรีบ ยังไงก็ถึงยอดเขาเหมือนกัน
บนยอดเขาฟานซิปันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ไม่แน่ใจว่าเค้าจะสร้างอะไรบ้าง
แต่ที่แน่ๆ กำลังสร้าง พระโพธิสัตว์กวนอิม องค์ใหญ่ ประดิษฐานอยู่บนยอดเขาฟานซิปัน
เย้ๆ ในที่สุด ยัยตัวร้าย ก็พิชิตยอดเขาฟานซิปันได้แล้ว เล่นเอาหอบแหกๆ เลยค๊า หยุดตามทางบ่อยมาก บันไดชันเลยทีเดียว นี่เลยขึ้นมาบนยอดเขาฟานซิปันแล้ว ต้องถ่ายหลัก FANSIPAN ความสูง 3,143 เมตร ด้วยนะเออ
และก็นี่เลย ธงเวียดนาม เก็บภาพเป็นที่ระลึกว่า เราได้พิชิตยอดเขาฟานซิปันสำเร็จแล้ว แอบสงสัยล่ะสิว่า เราเอาธงมาจากไหน ธงเค้าจะวางไว้ให้อยู่แล้ว เพื่อให้เราถ่ายรูป ยัยตัวร้าย ไม่ได้พกไปเองนะจ้า
กรี้ดๆๆๆๆ ท้องฟ้าเปิดแล้ว แสงพระอาทิตย์สาดส่องลงมาแล้ว ขอบอกว่าเราจะได้เห็นท้องฟ้าเปิดบอกเลยว่าหาโอกาสแบบนี้ได้ยากมาก เพราะด้วยความสูงบวกกับอากาศหนาวเย็นมีเมฆปกคลุมตลอด ถือว่าเราโชคดีมากที่ท้องฟ้าเปิด
อีกมุมที่เราถึงยอดเขาฟานซิปัน ที่เราต้องเก็บภาพไว้ มันสุดยอดมาก
ขาลงเดินอย่างไวไม่เหนื่อยเหมือนขาขึ้นเลย ฮ่าๆๆๆ ตอนกลับก็นั่งกระเช้ากลับเช่นเดิม ตั๋วที่เราได้มาอย่าทำหาย เพราะต้องใช้ด้วย ของฝากที่ระลึกก็มีขายให้เราเลือกซื้อเป็นของฝากได้ด้วย แต่ไม่ได้เก็บภาพร้อนกิ๊ฟช็อปมาให้ค่ะ
ท้องฟ้าเปิดได้แป๊บเดียว หมอกก็เริ่มหนาขึ้นมองไม่เห็นสถานีปลายทางเลยอะ
ยัยตัวร้าย จะแนะนำอีกหนึ่งสถานที่ที่มาซาปาแล้วไม่ควรพลาด แต่ ยัยตัวร้าย พลาดมากอะ แอบเสียใจที่ไม่ได้ไปมัวแต่ซอกแซกซาปาทั้งวัน นั้นคือ Hamrong
Hamrong เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นซาปาได้แบบ 360 องศา อ้าย…อ้าย วิวสวยมาก อดค่ะอด ไม่ได้ขึ้นไปชมความสวยของเมืองซาปาเลย ภาพนี้พี่ร่วมทริปเป็นคนถ่ายมาค่ะ เลยขออนุญาตเอามาใช้ เพื่อบอกต่อว่า “ห้ามพลาด!”
หลังจากเราลงมาจากยอดเขาฟานซิปัน เรามุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านยีตี้ (Y’TY) อดใจรอหน่อยนะจ้า จะทำรีวิวมาให้ชมกัน เราไปนอนค้างคืนที่หมู่บ้านยีตี้ 1 คืน และกลับมายังเมืองซาปา เพื่อรวมตัวกับคณะเพื่อเดินทางไปเฮฮาต่อที่ฮานอย โปรดอดใจรอรีวิวฮานอยอีกเช่นกัน เรากินอาหารเที่ยงกันที่ร้าน Indigo
Indigo Address : 23 Dong Loi street, Sa Pa town, Lao Cai
เมนูอาหารของเราแต่ละมื้อจัดเต็มทุกมื้อน้ำหนักไม่ต้องบอกเลยว่าขึ้นหรือเปล่า อาหารร้านนี้อร่อยดีค่ะ แต่ก็ยังคงรสชาติความเป็นเวียดนามอยู่
ตบท้ายด้วยผลไม้ อุ้ย! ไม่กล้ากินเลย กระต่ายน้อยของเรา
จบทริปซอกแซกซาปา ดีต่อจิตใจ และตัดสินใจไม่ผิดที่ตอบตกลงมาทริป ซาปา – ฮานอย 5 วัน 4 คืน จบรีวิวซาปา แต่เรายังไม่จบมีต่อที่ฮานอย โปรดอดใจรอสักนิด ยัยตัวร้าย จะพาไปสนุกสนานกันค่ะ
ถึงผิดช่วงผิดฤดู เราก็ได้รับความฟินกับอากาศที่หนาวเย็น และได้เจอกับนาขั้นบันไดตลอดระยะทางที่เราแว้น ได้สัมผัสธรรมชาติ ไออุ่นของวิถีชีวิตที่ยังคงสภาพวิถีชนบท ทำให้เราหลงใหล หลงเสน่ห์เมืองซาปา เข้าให้แล้ว รับรองงานนี้ได้มีซ่อม เราจะกลับมาใหม่ให้ถูกช่วง ถูกฤดู อย่างแน่นอน
ขอขอบคุณสายการบินนกแอร์ ที่ให้ ยัยตัวร้าย มาร่วมทริปครั้งนี้ด้วย เป็นทริปในฝันของ ยัยตัวร้าย เลยก็ว่าได้ ในที่สุดก็ได้มาเยือนแล้ว SAPA (ซาปา) ที่รัก ^______^
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมรีวิวค่ะ สามารถพูดคุยกันได้ที่
Face Book : ยัยตัวร้าย สะพายกล้อง / Bloggertrip
IG : @bloggertripth
Leave a Reply