เมืองต้องห้าม…พลาด
“เมืองสายน้ำ สามเวลา”…สมุทรสงคราม
“นิยามของสายน้ำสามเวลาที่เราทราบมาก็ คือ วิถีชีวิตของคนที่นี้ใช้สายน้ำในการดำเนินชีวิต
เช้าขึ้นมาก็ใช้เรือในการสัญจร กลางวันก็ใช้ในการล่องเรือชนสถานที่ต่างๆ
ตกเย็นมาก็ล่องเรือชมหิ่งห้อย”
และที่นี่มีสามอำเภอ คืออำเภอเมือง อำเภออัมพวา และอำเภอบางคนที
สามศาสนาคือ พุทธ คริสต์ อิสลาม
สามนา คือ นากุ้ง นาเกลือ นาข้าว
นอกจากตลาดน้ำอัมพวา หรือไหว้พระ 9 วัดแล้ว ถ้าเอ่ยถึงสมุทรสงครามแล้วเพื่อนๆ นึกถึงที่ใหนกันบ้างคะ
วันนี้ sanoi และเพื่อนๆ จะพาไปเที่ยวกันค่ะ เรามีที่เที่ยวมากมายมาให้ท่านผู้อ่านได้รับชม
เผื่อว่าจะเป็นทางเลือกในการท่องเที่ยวในครั่งต่อไปนะคะ ตามพวกเรามากันเลยค่ะ
เมื่อเอ่ยถึงสมุทรสงครามสิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในใจของ sanoi ก็คือเพลง มนต์รักแม่กลอง และลาสาวแม่กลองขึ้นมาทันที
“สิ้นแสงดาวดุเหว่าเร่าร้อง จากสุมทุมลุ่มน้ำแม่กลอง พี่จำจากน้องคนงาม แว่วหวูดรถไฟ พี่แสนอาลัยสมุทรสงคราม คงละเมอเพ้อพร่ำ คิดถึงคนงามที่อยู่แม่กลอง” มนต์รักแม่กลอง
“เจื้อยแจ้วแว่วเสียงสำเนียงขับร้อง ดั่งเพลงมนต์รักแม่กลองล่องลอยพริ้วหวานซ่านมา
กล่อมสาวงามบ้านอัมพวามนต์รักแม่กลองแว่วมา เหมือนสายธาราแม่กลองรำพัน” ลาสาวแม่กลอง
ในการเดินทางครั้งนี้ทาง Bloggertrip ได้รับเชิญจากทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานใหญ่ และการท่องเที่ยวจังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อร่วมเดินทางเปิดประสบการณ์และเรียนรู้วิถีชุมชนที่สมุทรสงครามค่ะ sanoiเองได้มีโอกาสเป็นตัวแทนของทาง Bloggertrip ด้วยค่ะ
การเดินทางของพวกเรากำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้วนะคะตามมาเที่ยวกับพวกเราได้เลยค่ะ
เราออกเดินทางกันวันศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 15.30 น. จุดเริ่มต้นที่ ททท.สำนักงานใหญ่ค่ะ ใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ชั่วโมงครึ่งก็ถึงตลาดน้ำอัมพวาแล้วค่ะ วันนี้เราจะพักกันที่บ้านครูปูรีสอร์ทกัน เป็นรีสอร์ทในสวนติดริมน้ำบรรยากาศดีมากๆ เลยละค่ะ
บรรยากาศรีสอร์ท ติดริมน้ำค่ะ
วันนี้ sanoi ได้พักในบ้านเฟื่องฟ้า บรรยากาศในห้องน่าพักผ่อนมากเลยค่ะ
บรรยากาศรอบๆ รีสอร์ทค่ะ
เก็บสัมภาระเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ออกมาที่ท่าน้ำถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกดินกันค่ะ
หลังจากชมบรรยากาศยามเย็นกันพอสมควรทางคณะ จากททท. ได้พาพวกเราไปทานอาหารกันที่ร้านเจ้าสำราญค่ะ
ที่ร้านนี้เป็นร้านอาหารติดริมน้ำร้านตั้งอยู่ด้านหลังตลาดน้ำอัมพวา มีดนตรีฟังน่านั่งมากค่ะ มาที่นี่มีเมนูแนะนำด้วยนะคะ มีทั้งปลาหมึกผัดกะปิ น้ำพริกไข่ปู หอยหลอดผัดฉ่า ต้มยำปลาทูสดใส่มะดัน หอยลายผัด แต่ละอย่างอร่อยมากๆ ค่ะ โดยเพราะปลาหมึกผัดกะปิต้องลองให้ได้ นะคะ
บรรยากาศภายในร้านค่ะ
เมนูแนะนำ ปลาหมึกผัดกะปิ
หอยหลอดผัดฉ่า
น้ำพริกปูไข่
ผัดหอยลาย
เมื่อทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาล่องเรือลำน้ำแม่กลองเพื่อไปชมหิ่งห้อยกันแล้วค่ะ
เคยได้ยินใครหลายๆ คนพูดกันว่าหิ่งห้อยจริงๆ ไม่มีแล้วละที่เห็นน่ะเขาเอาไฟคริสต์มาสมาติดไว้ มาถึงถิ่นทั้งทีต้องพิสูจน์ค่ะ ของแบบนี้หลอกกันไม่ได้จริงไหมคะ เมื่อเรือเริ่มแล่นเราสัมผัสได้กับอากาศที่เย็นสบาย 2 ข้างฝั่งคลองมีบ้านเรือนปลูกติดริมน้ำ วิถีชีวิตแบบนี้ยังคงหาได้จากที่นี่ค่ะ
เมื่อเรือเริ่มแล่นออกห่างไกลจากชุมชนแสงไฟเริ่มมืดลงพี่คนขับเรือเริ่มดับเครื่องเรือแล้วชี้ชวนให้พวกเราดูที่ยอดไม้ข้างริมคลอง แสงระยิบระยับเปล่งแสงสว่างขึ้น และดับพร้อมเพรียงกันดูสวยงามค่ะ แต่ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาเป็นภาพถ่ายได้เพราะแสงน้อยมากๆ พี่คนขับเรือพาพวกเราล่องเรือดูหิ่งห้อยในหลายๆ จุดตลอดแนวริมคลองเลยค่ะ หลังจากดูหิ่งห้อยกันพอสมควรแล้วก็พากันกลับที่พัก วันนี้เป็นวันแรม 3 ค่ำเดือน 3 พระจันทร์ลอยเหนือยอดไม้ดวงโตมากๆ เลยค่ะ เสียดายมากๆ เลยค่ะถ้าอยู่บนบกคงได้ถ่ายภาพมาให้เพื่อนๆดูกันแล้ว
เมื่อกลับมาถึงที่พักเวลานี้ยังหัวค่ำอยู่พวกเราเลยไปเดินเล่นที่ตลาดน้ำอัมพวากันค่ะ เดินตามทางปูนจากที่พักไปแค่นิดเดียวเอง เดินข้ามสะพานไปอีกฝั่งหนึ่งพวกเรามานั่งฟังเพลงกันที่ร้าน บ้านทองโบราณค่ะ วันนี้เป็นวันศุกร์นักท่องเที่ยวมีพอสมควรค่ะไม่มากนัก ร้านนี้เพลงเพราะค่ะ จะเล่นประมาณเพลงอคูสติกเพราะๆ ฟังสบายๆ ใครอยากดื่มอยากดริ้งก็ว่ากันตามอัธยาศัยค่ะ แต่ sanoi ขอแค่น้ำอัดลมค่ะ ไม่ถนัดแอลกอฮอล์ ร้านนี้เปิดถึงสี่ทุ่มครึ่งนะคะ แต่ครัวจะปิดประมาณสามทุ่มครึ่ง ตอนปิดร้านจะมีเพลงประจำปิดร้านด้วยค่ะ เด็กเสริฟกับลูกค้าในร้านก็ช่วยกันร้องด้วย อำลาค่ำคืนนี้ไปก่อนนะคะ ราตีสวัสดิ์ค่ะ
บรรยากาศในร้านค่ะ
ทั้งลูกค้าและพนักงานในร้านร่วมกันร้องเพลงปิดร้านค่ะ
อรุณสวัสดิ์เช้าวันใหม่ค่ะ วันนี้วันเสาร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ ค่ะ วันนี้พวกเราตื่นมาใส่บาตรกันแต่เช้าเลยค่ะ 6 โมงเช้าของวันนี้เงียบสงบดีจังเลยค่ะ แต่อากาศยังเย็นๆ อยู่นะคะ
มาอัมพวาก็บ่อยนะคะแต่ไม่เคยได้มาพักค้างคืนแบบนี้ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลยค่ะ ตื่นมาใส่บาตรโดย พระสงฆ์จะพายเรือมาบิณฑบาตแต่เช้าใครที่ยังไม่เคยมาสัมผัสการใส่บาตรแบบนี้ต้องมาสักครั้งค่ะ
หลังจากใส่บาตรเสร็จเพื่อนๆ ในคณะก็กลับไปพักผ่อนกันค่ะ เพราะยังไม่สว่างเลยแต่ sanoi อยากเก็บภาพที่หาดูยากแบบนี้มาฝากเพื่อนๆ ผู้อ่านค่ะ เลยอยู่จนถึง 7 โมงเช้าเลย
หลังจากกลับเข้าห้องอาบน้ำเก็บสัมภาระเสร็จก็มารับประทานอาหารเช้ากันค่ะ วันนี้เราทานที่บ้านครูปูมี ข้าวต้มทรงเครื่อง ไข่ดาว ไส้กรอก แฮม และขนมปังเตรียมไว้ให้ค่ะ
ใครอยากชิมอาหารปรุงกันสดๆ ทางเรือก็มีนะคะ วันนี้มีผัดไทยป้าแก้ว พายเรือผ่านมาด้วยค่ะ ลูกค้าที่รีสอร์ทเรียกพอดี เราเลยได้เข้าไปถ่ายภาพ และพูดคุยกับป้าแก้วค่ะ ป้าแก้วจะพายเรือไปขายล่องตามแม่น้ำตามรีสอร์ท และบ้านเรือนริมน้ำต่างๆค่ะ ช่วงบ่ายๆ ถึงจะวนกลับมาขายที่ตลาดน้ำอัมพวา ป้าแก้วยิ้มแย้มแจ่มใสมากๆ ค่ะ ผัดไทยของคุณป้าก็น่าทานมากเลย เสียดายที่เราอิ่มซะแล้วไม่งั้นคงได้ชิมฝีมือป้าแก้วค่ะ คราวหน้าต้องลองแล้วละค่ะ
ผัดไทยป้าแก้วมาแล้วจ้า
คนทำอาหารอารมณ์ดีแบบนี้รสชาดอาหารก็ต้องดีตามไปด้วยจริงไหมคะ
หน้าตา น่าทานใช่ไหมล่ะคะเพื่อนๆ
หลังจากอิ่มหนำสำราญแล้ววันนี้เราจะไปตลาดน้ำท่าคากันค่ะ ตลาดแห่งนี้เปิดเฉพาะ เสาร์-อาทิตย์ และวันขึ้นหรือแรม 2 ค่ำ 7 ค่ำ 12 ค่ำ นะคะ ที่นี่ผู้คนไม่พลุกพล่านมากค่ะสบายๆ แต่ก็มีนักท่องเที่ยวต่างชาตินะคะ มีบริการเรือนำเที่ยวชมสวนด้วยค่ะ
การเดินทางมาโดยรถยนต์ใช้ทางหลวงหมายเลข 325 (สมุทรสงคราม-บางแพ) กิโลเมตรที่ 32 เลยทางแยกเข้าวัดเกาะแก้วไปเล็กน้อยนะคะ จะมีทางแยกขวาไปอีก 5 กิโลเมตร หรือจะใช้บริการรถโดยสารประจำทาง ก็สามารถขึ้นรถได้ที่ตลาดในตัวเมือง หน้าธนาคารทหารไทย สายท่าคา-วัดเทพประสิทธิ์ ตั้งแต่เวลา 07.00–18.00น. รถออกทุก 20 นาทีค่ะ
บรรยากาศโดยรวมของตลาดน้ำท่าคาค่ะ
สะพานเชื่อมระหว่างสองฝั่งตลาด
ขณะที่เราถ่ายภาพกันอยู่ก็ได้ยินเสียงเรียก “หนู หนู นี่ป้ายถ่ายตรงนี้กันซิ”
เสียงที่ได้ยินคือคุณลุงพ่อค้าในตลาดนั่นเองค่ะ แต่ป้ายอาจจะชำรุดทรุดโทรมไปซักหน่อย คุณลุงคงอยากให้พวกเราช่วยโปรโมทตลาดน่ะค่ะ
ของที่ระลึกก็มีค่ะ
ใครอยากล่องเรือชมสวนผลไม้ก็มีให้บริการนะคะ
จะผักสดหรือผลไม้ก็มีขายค่ะ
ผลไม้สดๆ จากสวน ทั้งส้มโอพันธุ์ขาวใหญ่ มะพร้าวน้ำหอม ฟักข้าว ละมุดสีดา
ผลิตผลแปรรูปก็มี ทั้งน้ำตาลปึก มะพร้าวแก้ว ข้าวหมาก และตระกร้าสานจากใบมะพร้าว
สายบัวก็มี ยอดชะครามก็เยอะค่ะ
หรือใครอยากทานอาหารที่ปรุงกันสดๆจากเรือก็มีให้เลือกชิมกันมากมายหลายเมนูนะคะ
หลังจากเดินชมตลาดน้ำกันจนเมื่อยแล้วใกล้ๆ กันยังมีร้านกาแฟด้วยนะคะ ชื่อร้าน “นิทานกาแฟ” ร้านน่านั่งมากๆ ค่ะมีจุดที่ถ่ายภาพเยอะมากแใครที่ชอบการถ่ายแPortrait ก็คงชอบที่นี่แน่ๆ ที่นี่เป็นบ้านสองชั้น ด้านล่างเป็นร้านกาแฟ ด้านบนแต่งบ้าน สไตล์วินเทจค่ะแมีรถมอเตอร์ไซค์โบราณจอดให้ถ่ายภาพด้วยค่ะ
มุมถ่ายภาพเก๋ๆ ค่ะ
มุมนั่งเล่นดื่มกาแฟด้านล่างค่ะ
ครัวก็วินเทรจด้วยนะคะ
หลังจากซึมซับบรรยากาศที่ตลาดน้ำท่าคากันพอสมควรแล้วพวกเราก็เดินทางกันต่อค่ะ จุดหมายต่อไปคือตลาดน้ำบางน้อยค่ะ
ตลาดน้ำบางน้อย มีทุกวันเสาร์ และ วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลาประมาณ09.00 – 1500 น. ตั้งอยู่ที่่ปากคลองบางน้อย หน้าวัดเกาะแก้ว อำเภอบางคนที อยู่ห่างจากอัมพวาเพียง 5 กิโลเมตร ชุมชน ที่นี่เคยเป็นย่านการค้าทางน้ำที่สำคัญมากอีกแห่งหนึ่งในลุ่มน้ำแม่กลองค่ะ
เมื่อมาถึงก็ไหว้พระกันก่อนแล้วเดินเข้าไปเที่ยวชมในตลาดกันได้เลย
เมื่อเดินเข้าตลาดไปเราจะเห็นพิพิธภัณฑ์ตั้งเซียมฮะ อยู่ตรงทางเข้าเลยค่ะ
เดินเข้ามาด้านในของตลาดกันค่ะ ได้เห็นขนมโบราณด้วยค่ะขนมแบบนี้เพิ่งเคยได้ยินชื่อและเพิ่งได้ทานเป็นครั้งแรกเลยค่ะ ปรกติเป็นคนชอบทานขนมไทยๆ อยู่แล้วแต่สองอย่างนี้เพิ่งได้ลองจริงๆ ขนมสัมปันนีกับขนมสลัดงาค่ะ
ขนมสัมปันนีจะมีรสชาติหวานเย็นๆค่ะ ส่วนขนมสลัดงาจะออกหวานมันหนึบค่ะอาจเป็นเพราะส่วนผสมนะคะ ด้านในเป็นไส้มะพร้าวเคี่ยวกับน้ำตาล ห่อด้วยแป้งแล้วคลุกด้วยงาค่ะ ขายแค่อันละ 2 บาทเองค่ะ ราคาแบบนี้คงจะไม่สามารถซื้อขนมอะไรได้ในกรุงเทพนะคะ
มีมุมถ่ายภาพน่ารักๆ เยอะนะคะมีของโบราณด้วย
ใครอยากดื่มกาแฟก็มีนะคะ เราแอบเห็นกระติกน้ำร้อนแบบโบราณด้วยละ
เดินกันเมื่อยๆ ก็มีบริการนวดเท้าด้วยนะคะ
เดินมาอีกหน่อยเจอเจ้าของสิ่งนี้ค่ะ ใครรู้จักบ้างเอ่ย
มันคือตะกร้อนั่นเองค่ะ เอาไว้ใช้สอยผลไม้อย่างเช่นมะม่วงค่ะ โดยเอาตัวตะกร้อไปผูกติดกับไม้ไผ่ยาวๆ ก็ใช้งานได้แล้วค่ะ
ในตลาดน้ำบางน้อยยังมีอาหารพื้นเมืองอยู่อีกหลายอย่างนะคะ อย่างเช่น ข้าวผัดปลาทูโบราณ ผัดไทย โรตีแต้จิ๋ว ก๋วยเตี๋ยวน้ำแดง ถ้าไปครั้งหน้าจะไปลองชิมค่ะ แล้วจะมาบอกเพื่อนว่ารสชาดเป็นอย่างไร หรือเพื่อนๆ คนไหนไปมาแล้วก็มาแชร์ประสบการณ์กันได้นะคะ
หลังจากเดินเล่นในตลาดน้ำกันสักพักเราไปไหว้พระกันต่อที่วัดบางกุ้งค่ะ หรือเรียกกันอีกชื่อว่าโบสถ์ปรกโพธิ์ เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ค่ะ เรียกได้ว่าอันซีนอินไทยแลนด์เลย
ประวัติของที่นี่เข้าไปอ่านกันได้ที่นี่ได้เลยค่ะ >>> ประวัติวัดบางกุ้ง
วัดนี้มีมุมถ่ายภาพที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่คือ ภาพต้นโพธิ์ที่ปรกคลุมโบสถ์โดยเพราะตรงหน้าต่างที่เห็นองค์พระค่ะ
แต่ตอนนี้อาจจะถ่ายออกมาได้ไม่เหมือนภาพเมื่อก่อนนะคะเพราะมีป้ายห้ามนักท่องเที่ยวไม่ให้ปีนขึ้นไปถ่ายภาพค่ะ
นี่ก็เป็นอีกอย่างนึ่งนะคะเที่ยวเมืองไทยหรือที่ใหนๆ ไปอย่างมีจิตสำนึกค่ะ ด้วยบ้านเราเป็นเมืองพุทธบางครั้งการถ่ายภาพหรือการเซลฟี่ก็ควรอยู่ในขอบเขตนะคะ
หลังจากไหว้พระเสร็จแล้วอย่าลืมมาไหว้พระบรมราชาอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินด้วยนะคะอยู่ติดกันเลย
เดินถัดจากพระบรมราชาอนุสาวรีย์ไปอีกนิดเราจะเห็นรูปปั้นท่าแม่ไม้มวยไทยค่ะ ในสมัยสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ ทรงโปรดเกล้าฯให้ยกกองทัพเรือมาตั้งค่ายโดยมีวัดบางกุ้งอยู่กลางค่ายเรียกว่า “ค่ายบางกุ้ง” จึงเป็นที่ฝึกไพล่พลในสมัยนั้นค่ะ
แต่ละท่าในภาพนะคะ วิรุฬหกกลับ จระเข้ฟาดหาง และมอญยันหลักค่ะ ยังมีอีกหลายกระบวนท่าเลยนะคะ
หลังจากชมความสวยงามที่เป็นอันซีนอินไทยแลนด์กันไปแล้วก็ได้เวลาทานอาหารกลางวันกันแล้วค่ะ มื้อนี้เราจะไปทานอาหารกันที่ริมน้ำเช่นเคยค่ะ ร้านนี้ชื่อร้านน้องอุ้มค่ะ เมนูที่แนะนำวันนี้ก็มี ปลาทูซาเตี๊ยะค่ะ รสชาดออกหวานๆ เนื้อปลาทูแน่นๆ ค่ะ ถัดมาก็แกงส้มไหลบัว อ่านไม่ผิดค่ะไหลบัวค่ะปรกติเพื่อนๆ คงเคยได้ยินแต่แกงสายบัวใช่ไหมคะ วันนี้เปลี่ยนมาชิมไหลบัวกันค่ะ ตัวไหลบัวจะกรอบๆ ค่ะ เมนูถัดมาก็เนื้อปูผัดผงกะหรี่ มีแต่เนื้อปูแน่นๆ เลยค่ะ
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วเรามาล่องเรือกันดีกว่าค่ะ แต่ไม่ใช่ล่องเรือแบบชมวิวธรรมดานะคะ วันนี้เราจะล่องเรือไปนวดแบบหัตถาธาราค่ะ ก็คือการนวดในเรือระหว่างล่องเรือชมทัศนียภาพนั้นเอง
คนถูกนวดก็อาจจะรู้สึกผ่อนคลายจนหลับนะคะ
แต่ใครที่ไม่หลับก็จะเห็นวิวทิวทัศน์สองริมฝั่งคลองแบบนี้ค่ะ
ค่าบริการในการล่องเรือถ้าเช่าเหมาลำก็ 3,500 บาท ถ้าคิดเป็นรายบุคคลก็ คนละ 350 บาท ต่อ 1ชั่วโมงครึ่งนะคะ
หลังจากได้ผ่อนคลายจากการล่องเรือนวดหัตถาธารากันแล้วก็เดินทางเข้าที่พักกันค่ะ คืนนี้เราย้ายมาพักกันที่ บ้านสวนอัมพวันรีสอร์ทกันค่ะ เป็นรีสอร์ทติดลำคลองเล็กๆด้านหน้าติดกับสวนผลไม้ค่ะบรรยากาศเงียบสงบมากๆ ใครที่ทำงานที่ต้องใช้ความคิดในการวางแผนงานละก็ที่นี่เหมาะมากๆเลยละค่ะ ว่าแล้วเราก็ไปดูบ้านพักกันค่ะ
บรรยากาศบ้านพักของเราคืนนี้ค่ะ
ภายในห้องนอนและห้องน้ำ มีโอ่งใส่น้ำอาบแบบโบราณด้วยค่ะ แล้วก็มีเครื่องทำน้ำอุ่นบริการด้วย
เมื่อเก็บสัมภาระกันเรียบร้อยแล้ววันนี้เราจะออกไปเดินตลาดน้ำอัมพวากันอีกค่ะแล้วก็รับประทานอาหารเย็นกันที่นั่นเลย
ตามมาดูกันค่ะว่าที่นี่มีอะไรกันบ้าง
มาอัมพวาทั้งทีที่ขาดไม่ได้คืออาหารทะเลค่ะ
มาถึงอัมพวากันแล้วก็มาดูกันว่าที่นี่เขามีอะไรกันบ้าง
ยังมีอีกหลากหลายความรู้เกี่ยวกับอัมพวานะคะอย่างเช่น พิพิธภัณฑ์เมื่อวันก่อน อัมพวาชัยพัฒนานุรักษ์
อย่าลืมแวะไปเยี่ยมเยือนบ้านครูเอิ้อด้วยนะคะ ใครรู้จักสุนทรภรณ์บ้างเอ่ย
เดินเล่นกันเพลินไปเลยค่ะ วันนี้เราจะทานอาหารเย็นพร้อมกับฟังเพลงเพราะๆ กันที่ร้านบ้านทองโบราณนะคะ ใครจะทานอาหารที่นี่ต้องจองโต๊ะไว้ล่วงหน้านะคะ เพราะวันหยุดแบบนี้คนเยอะมากค่ะมาดูอาหารวันนี้กันค่ะ
อาหารคาวไปแล้วต่อกันด้วยอาหารหวานกันค่ะ
ฝั่งตรงข้ามร้านเป็นโฮมสเตย์นะคะ เราเกือบได้พักที่นี่แล้วละค่ะแต่จองช้าไปนิดคืนนี้ลากันด้วยภาพนี้นะคะ
สวัสดีเช้าวันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ค่ะ วันนี้เป็นอีกวันที่ตื่นเช้ามาใส่บาตรนะคะแต่วันนี้ทางรีสอร์ทได้นิมนต์พระเข้ามารับบาตรที่นี่ค่ะ
วันนี้เราได้เห็นวิถีชีวิตและอีกอาชีพหนึ่งของคนที่นี่ค่ะ คือการทำน้ำตาลมะพร้าวค่ะ เห็นคุณลุงขึ้นต้นมะพร้าวเพื่อไปเก็บน้ำตาลสดค่ะ
หลังจากใส่บาตรกันเรียบร้อยแล้ววันก็ทานอาหารกันค่ะ วันนี้มีข้าวต้ม หมู กุ้ง ปลาหมึก แล้วแต่ใครชอบแบบไหนก็สั่งได้เลยค่ะ แล้วก็ยังมีปลาท่องโก๋ กับกาแฟและโอวันตินด้วยค่ะ
แปดโมงครึ่งเราออกจากรีสอร์ทเพื่อเดินทางไปเรียนรู้วิถีชุมชนกันค่ะ ชุมชนที่เราจะไปคือ “ศูนย์การเรียนรู้มหาวิชชาลัยภูมิปัญญาท้องถิ่นจังหวัดสมุทรสงคราม” ชุมชนบ้านบางพลับค่ะ
ชุมชนบ้านบางพลับตั้งอยู่ที่ หมู่ 4 ตำบลบางพรม อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม การเดินทางใช้เส้นทางถนนพระราม2(ธนบุรี-ปากท่อ)เลี้ยวเข้าตัวเมืองสมุทรสงคราม มุ่งหน้าเข้าสู่อุทธยานร.2บ้านบางพลับอยู่ห่างจากอุทธยานร.2ประมาณ 3กิโลเมตรเจอแยกขวามือให้ตรงไปอีกประมาณ300เมตรค่ะ ที่ชุมชนแห่งนี้ได้รับรางวัลหลายปีซ้อนเลยค่ะ
ปี2550 ได้รับรางวัลชุมชนดีเด่นด้านการท่องเที่ยว
ปี2551 ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมประเภทองค์กรสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยวภาคกลาง
ปี2553 ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมประเภทแหล่งท่องเที่ยวชุมชนภาคกลาง
ปี2556 ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมประเภทท่องเที่ยวเชิงเกษตร
ที่นี่มีกิจกรรมเยอะแยะมากมายค่ะ ตามไปดูกันเลยค่ะว่าวันนี้พวกเราได้ทำกิจกรรมอะไรกันบ้าง
เมื่อไปถึงคุณลุงสมทรง แสงตะวัน อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จ เกษตรกรผู้บุกเบิกภูมิปัญญาชุมชนที่นี่ได้ออกมาต้อนรับและเล่าความเป็นมาของที่นี่ให้พวกเราฟังด้วยค่ะ
คุณลุงสมทรง แสงตะวัน
หลังจากนั้นคุณลุงก็สาธิตการทำน้ำตาลจากน้ำตาลมะพร้าวตั้งแต่กระบวนการเก็บน้ำตาลจากต้นจนถึงการนำมาต้มเคี่ยวจนได้น้ำตาลปึกเลยค่ะ
เมื่อได้น้ำตาลมะพร้าวดิบมาแล้วก็ต้องนำมาผ่านกรรมวิธีการต้มค่ะ
หลังจากดูการทำน้ำตาลเสร็จแล้วก็ได้เวลาออกกำลังกายกันแล้วค่ะ
ไปปั่นจักรยานชมสวนผลไม้กันค่ะ
บรรยากาศร่มรื่นดีมากเลยค่ะ
หลังจากออกจากสวนผลไม้สถานีต่อไปของเราคือไปดูไปชิมผลไม้กลับชาติกันค่ะ เอจะเป็นยังไงกันนะผลไม้กลับชาติเนี่ย?
นี่แหละค่ะหน้าตาผลไม้กลับชาติ
ทั้งหมดนี่ก็คือผลไม้แช่อิ่มค่ะ แต่ที่แปลกใจก็คือการนำบอระเพ็ดที่ว่าขมนักขมหนามาทำให้หวานอร่อยนี่แหละค่ะ
ผลไม้ต่างๆที่นำมาแช่อิ่มก็มีหลายชนิดนะคะ อย่างเช่น มะละกอ พริก มะละขี้นก ลูกตำลึง มะนาว บอระเพ็ด แต่sanoiชอบมะนาวค่ะ ไม่มีรสความเปรี้ยวหลงเหลออยู่เลยแต่พอกัดลงไปก็รู้สึกได้ถึงความเป็นมะนาวค่ะ อธิบายไม่ถูกเหมือนกันเพื่อนๆต้องลองไปลิ้มลองกันค่ะ ส่วนมะดันก็นำไปอบแห้งค่ะ
ไข่เค็มพอกด้วยดินขี้เถ้าที่ได้มาจากการเผาถ่านค่ะ
เปลือกส้มโออบแห้งค่ะ
หน้าตาขนมสัมปันนีแป้งกล้วยค่ะ รสชาดหอมหวาน
สวนลิ้นจี่ค่ะลักษณะการปลูกใช้วิธียกท้องร่องให้น้ำใหลผ่านเข้าสวนค่ะ
เสียดายที่เวลามีน้อยไปหน่อยเราเลยไม่ได้ไปเยี่ยมชมฐานการเรียนรู้การทำซอ การทำว่าว และการเผาถ่านผลไม้ ถ้ามีโอกาสเมื่อไรsanoiต้องกลับไปเยือนที่นี่อีกแน่นอนค่ะจะไปค้างที่โฮมสเตย์ของหมู่บ้านนี้เลยค่ะจะได้มีเวลาเข้าไปเรียนรู้วิถีชุมชนที่นี่ได้แบบใกล้ชิดค่ะ
และแล้วก็ได้เวลากลับกรุงเทพกันแล้วละคะ ทางคณะของ ททท. ได้พาพวกเราไปรับประทานอาหารกลางวันกันที่ โฮมกระเตงค่ะ อาหารอร่อยมาก อาหารทะเลสดๆ ใครจะไปต้องโทรจองล่วงหน้าก่อนนะคะทางโฮมสเตย์จะได้จัดเตรียมไว้ให้เรา
มาดูกันค่ะว่าอาหารมื้อนี้มีอะไรบ้าง
สมุทรสงครามยังมีที่ท่องเที่ยวอีกมากมายเลยนะคะแล้วโอกาสหน้าจะนำเสนอในส่วนที่ยังไม่ได้ไปให้ชมกันค่ะ อย่างเช่นตลาดร่มหุบ ดอนหอยหลอด อนุเสาวรีย์แฝดอินจัน อาสนวิหารแม่พระบังเกิด จิตกรรมฝาผนังวัดบางแคน้อย การทำเครื่องปั้นเบญรงค์ ฯ
ใครสนใจจะตามรอยผู้เขียนก็สามารถโทรถามข้อมูลต่างๆได้ตามเบอร์ด้านล่างเลยค่ะ
บ้านครูปูรีสอร์ท 034-725920 , 081-9411249
อัมพวันรีสอร์ท 034-732188 , 081-9615559 , 081-9616665
ชุมชนบ้านบางพลับ 034-761985 , 081-2744433
โฮมกระเตงชาวเล 034-731-221 , 081-9419152 , 087-8285420
ทริปนี้สนุกสนาน ได้ความรู้ และอิ่มท้องเป็นอย่างมากเลยค่ะ ทริปนี้ผ่านไปด้วยดีได้ต้องขอขอบคุณผู้มีอุปการคุณต่างๆนะคะ
ขอขอบคุณการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานใหญ่
ขอขอบคุณการท่องเที่ยวสมุทรสงคราม
ขอขอบคุณ I am devil ยัยตัวร้าย ด้วยนะคะที่ให้โอกาสได้ไปเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านนะคะ
ขอให้ท่านผู้อ่านสนุกสนานกับการท่องเที่ยวนะคะ แล้วพบกันใหม่ในทริปต่อไปค่ะ
Bloggertrip.com
Leave a Reply