I am Devil ยัยตัวร้าย ได้รีวิว พิธีอิ้วเก้ง (แห่พระ) ไปแล้วสำหรับรีวิวตอนที่ 1
สำหรับรีวิวนี้ จะขวนทุกคนไปไหว้พระตามอ๊ามต่างๆ และพาไปชวนชิมอาหารเจกันค่ะ
รีวิวตอนที่ 1 พลัง และ ศรัทธา พิธีอิ้วเก้ง (แห่พระ) ประเพณีถือศีลกินผัก จังหวัดภูเก็ต (<<<<<คลิ๊กรีวิว)
รีวิวตอนที่ 2 ประเพณีถือศีลกินผัก 2557 จังหวัดภูเก็ต (<<<<<คลิ๊กรีวิว)
เดินทางไปยังจังหวัดภูเก็ต โดยสายการบินเจ้าประจำนั้นก็คือ Air Asia ค่ะ
กลัวต้องวิ่ง 4 x 100 ก็เลยทำการ check in จากเว็บไซต์ http://www.airasia.com/ ก่อนเลยค่ะ
มีโหลดสัมภาระก็หาเคาท์เตอร์ bag drop ได้เลยค่ะ กรณีที่เรา check in จากเว็บไซต์ มาแล้วนะคะ
เมื่อโหลดสัมภาระเรียบร้อยเดินเข้า Gate รอเรียกขึ้นเครื่อง go to ภูเก็ต ค่ะ
ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 20 นาที ก็มาถึงท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต
I am Devil ยัยตัวร้าย มีเพื่อนอยู่ภูเก็ต เลยให้มารับสนามบินค่ะ
ไม่รอช้า มุ่งหน้าสู่ในเมืองภูเก็ตเพื่อหาอาหารเจทานกันค่ะ ไม่ได้สั่งอาหารบนเครื่องทาน เพราะไม่มีอาหารเจค่ะและแล้วเราก็มาถึงในตัวเมืองภูเก็ต
เราเลือกมายังอ๊ามบางเหนียว ค่ะ
ก่อนจะไปไหว้พระขอพรจากอ๊ามบางเหนียว ขอหาอะไรทานก่อนนะคะ
สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านอาหารเจ ไม่ว่าจะเป็นของคาว หรือ ของหวาน
เลือกทานร้านนี้ค่ะ กับข้าวมีให้เลือกเยอะมากค่ะ
มาดูกันบ้างว่า I am Devil ยัยตัวร้าย กับ เพื่อน ทานอะไรกัน
I am Devil ยัยตัวร้าย เลือกทาน ผัดผักบุ้ง กับ ผัดหัวไชโบ๊
เมนูนี้ผัดผัก และ แกงเทโพใส่ผักบุ้งค่ะ
ช่วงกินเจ น้ำหนักลดหุ่นดีเลยค่ะ ทานแต่ผัก อิอิ
อ๊ามบางเหนียว (บางเหนียวต่าวโบ้เก้ง)
เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2477
คำว่า ต่าวโบ้ หมายถึง ดาวเหนือ ก้อง หมายถึง พระราชวัง หมายถึง พระราชวังดาวเหนือ ตามประวัติการก่อสร้างกล่าวว่า มีคณะงิ้วกังฉ่ายฮี่จากจีนเดินทางมาเปิดการแสดงที่ตรอกมาเก๊า หรือซอยรมณีย์ในปัจจุบัน และยังได้นำพระตี่ฮู้หง่วนโส่ย หรือเหล่าเอี๋ยมาเพื่อเคารพบูชาและบำเพ็ญกุศลถือศีลกินผักเป็นประจำ โดยมีการสร้างศาลเจ้าในบริเวณเดียวกัน ต่อมาเกิดไฟไหม้ศาลเจ้าโดยไม่ทราบสาเหตุ แกนนำชาวบ้านแถบนั้นจึงได้พร้อมใจกันนำพระตี่ฮู้หง่วนโส่ยไปประดิษฐาน ณ บ้านเลขที่ 384-386 บนถนนภูเก็ต ซึ่งตรงข้ามกับศาลเจ้าในปัจจุบัน และอีกประมาณ 4-5 ปีต่อมา เกิดเพลิงไหม้ศาลเจ้าโดยไม่ทราบสาเหตุอีก ชาวบ้านจึงได้นำพระตี่ฮู้หง่วนโส่ยไปประดิษฐานยังฝั่งตรงข้ามซึ่งติดกับสถานที่ปัจจุบัน จากนั้นแกนนำของศาลเจ้าได้ช่วยกันเรี่ยไรเงินจากภาคเอกชนจัดซื้อที่ดินด้านข้าง เพื่อขยายพื้นที่ของศาลเจ้าและได้พัฒนาศาลเจ้าบางเหนียวจนเป็นดังที่เห็นทุกวันนี้
เกี้ยวหามพระ เรียกว่า “ไทเปี๋ย” หรือเสลี่ยงเล็ก
โดยหามรูปพระบูชาต่างๆ ออกนั่งเกี้ยวตามขั้น และยศของเทพ
แต่ะละอ๊ามจะมี พระเกี้ยวใหญ่ หรือ “ตั๋วเหลี้ยม” (เสลี่ยงใหญ่) เป็นที่ประทับ “องค์กิ้วฮ่องไต่เต่”
ขอไหว้พระ ก่อนนะคะ

ไม่ต้องกลัวว่าจะไหว้ตามจุดต่างๆ สับสน จะมีเจ้าหน้าที่คอยบอกค่ะว่าจะไหว้จากจุดไหนก่อน และมีป้ายบอกแต่ละจุดไว้ค่ะ
เผากระดาษ สุดท้าย เป็นอันเสร็จ การไหว้พระค่ะ
เช้าวันที่ 2 ตากล้องพร้อมค่ะ
ขอสารภาพว่า ตื่นสาย เลยเก็บภาพแห่พระของอ๊ามสามกองไม่ทันค่ะ
เก็บภาพมาได้นิดเดียวเอง สามารถเข้าไปดูตอนที่ 1 ได้ค่ะ
พาไปไหว้พระ อ๊ามสามกองกันค่ะ
อ๊ามสามกอง (หลิมฮู้ไท้ซู)
การก่อสร้างศาลเจ้าหลิมฮู้ไท้ซู่ ไม่ปรากฏว่าเริ่มมีขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.ใด ทราบแต่ว่า มีผู้มีจิตศรัทธา ชื่อหลวงสุนทรจีนประชา บริจาคที่ดิน ประมาณเกือบหนึ่งไร่ พร้อมทำการสร้างอ๊ามถวายให้ พร้อมทั้งมอบ องค์พระไท้ซู่ก้อง และองค์พระอื่นๆ ประดิษฐานไว้ในศาลเจ้า หลังจากนั้น ได้ตั้งชื่อศาลเจ้าแห่งนี้ว่า ศาลเจ้าหลิมฮู้ไท้ซู่ แต่ชาวบ้านเรียกกันว่า อ๊ามไท้ซู่ก้อง
พระเกี้ยวใหญ่ หรือ “ตั๋วเหลี้ยม” (เสลี่ยงใหญ่) ของอ๊ามสามกองค่ะ
เกี้ยวหามพระ ของอ๊ามสามกอง
เก็บภาพเดี่ยว กับอ๊ามสามกอง ไว้เป็นที่ระลึกซะหน่อย
ใส่ชุดขาว ให้เข้ากับงานค่ะ
แนะนำร้านอาหารเจ ร้านนี้จะขายอาหารเจ ทั้งปีเลยค่ะ อยู่แถวสามกอง
ชื่อร้าน “ร้านเจ๊เผ่งอาหารเพื่อสุขภาพ” ค่ะ
อย่าเพิ่งตกใจค่ะ นี่คืออาหารเจ เหมือนทั้งรูปและรส ค่ะ

อะไรเอ๋ย อยู่ในกะทะ ทอดร้อนๆ อกไก่ทอดค่ะ
มาดูเมนูอาหารของร้านบ้างค่ะ ว่ามีอะไรน่าทานบ้าง
สั่งมาชิมค่ะ มีอกไก่ทอด ไส้กรอก และปลาเค็ม
ปลาเค็ม รสชาด ไม่ผ่านค่ะ นอกนั้น รสชาติเหมือนเลยค่ะ
เมนูแรกของเรา ต้มยำเห็ด รสชาติจี๊ดจ้าด ค่ะ
เมนูที่ 2 ผัดผักบุ้งหมูกรอบ
เมนูที่ 3 ยำสามกรอบ
ทานกัน 3 คนค่ะ ราคาอาหารสำหรับมื้อนี้ ทั้งหมด 270 บาทค่ะ
ขอแวะไปทำบุญโรงศพก่อนนะคะ
เลือกมาทำบุญโรงศพที่ มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต อยู่แถวพูนผลค่ะ
แล้วแต่เราจะบริจาคเลยค่ะ ว่าต้องการบริจาคเท่าไหร่
ไหว้พระก่อนที่จะเผากระดาษนะคะ

เผากระดาษ ใบเสร็จที่ราบริจาคโรงศพค่ะ
ขึ้นไปไหว้พระชั้น 2 ค่ะ
ลงมาเอากระดาษสีชมพู และห่อผ้าขาว มาไว้ที่โรงศพ อยู่ด้านข้างทางเข้าค่ะ
เริ่มจะเข้ายามเย็น เราเลือกที่จะไปเดินเล่นที่แถวอ๊ามจุ้ยตุ่ย และจะไปไหว้พระด้วยค่ะ
ร้านอาหารเจ เหอ เต๋อ
รุ่นน้องแนะนำมาบอกว่าอร่อยค่ะ จะขายเฉพาะประเพณีถือศิลกินผัก เจ้าของเป็นชาวมาเลย์ ค่ะ

เมนูมีเยอะมากค่ะ เยอะจนไม่รู้จะทานอะไรดีเลย
ปลาเค็ม ร้านนี้รสชาติ มันใช่เลยค่ะ อร่อยดีค่ะ
แกงเทโพ กับ เป็ดย่าง ค่ะ

สองข้างทาง เต็มไปด้วยร้านอาหารเจ ทั้งของคาว และของหวาน
ตกเย็นแล้วคนเยอะมากเลยค่ะ
ขนมเปี๊ยะทอด เจ้านี้ รุ่นน้องบอกว่า อร่อยและขายดีมาก ต้องโทรสั่งจองกันเลยทีเดียวค่ะ
ร้อนๆ จากเตา ซื้อมาชิม อร่อยสมคำร่ำลือ เลยค่ะ
ปอเปี๊ยะสด เห็นคนเยอะดีค่ะ แถมน่าทานด้วย แต่ไม่ได้ลองชิมค่ะ

อ๊ามจุ้ยตุ่ย (จุ้ยตุ่ยเต้าโบ้เก้ง)
จุ้ยตุ่ย จุ้ย แปลว่า น้ำ ตุ่ย แปลว่า ครกตำข้าว สมัยก่อนนั้น หน้าบริเวณศาลเจ้า เป็นคลอง กว้าง มีน้ำมาก ชาวบ้านจึงสร้างกังหันขึ้น
เพื่อใช้กำลังจากน้ำมาตำข้าวที่เก็บเกี่ยวแล้ว พี่น้องชาวภูเก็ต ทั้งคนจีน และคนไทย ก็ได้เข้าร่วมในพิธีการถือศีลกินเจกับคณะงิ้วด้วย พี่น้องชาวภูเก็ตของเราก็ได้ศึกษา ปฏิบัติ พิธีการต่างๆ ตั้งแต่วันเริ่มงานกินเจจนเสร็จพิธี ในพิธีการกินเจนี้ เขาจะมีพิธีขึ้นเสาโกเต้ง มีตะเกียงน้ำมัน 9 ดวงซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพิธีการกินเจได้เริ่มขึ้นแล้วในพิธีการกินเจก็มีการประทับทรงพระทำพิธี ลุยไฟ สะเดาะเคราะห์อาบน้ำมันซึ่งกำลังเดือด พิธีไหว้เทวดา มีการแห่ขบวนไปตามถนนสายต่าง ๆ พอครบกำหนด 9 วัน 9 คืน ก็เป็นอันเสร็จพิธีการกินเจ
เป็นอีกหนึ่งอ๊าม ที่ถือว่าเป็นอ๊ามใหญ่ ในจังหวัดภูเก็ตค่ะ

มาแล้วก็ต้องขอไหว้พระด้วยเลยค่ะ
สุดท้ายเผากระดาษค่ะ

ขอจุดประทัดซะหน่อยค่ะ
จะมีเจ้าหน้าที่ และเด็ก มาช่วยจุดประทัดให้ แต่งานนี้ขอจุดประทัดเองค่ะ
ที่จุดประทัดค่ะ ถ่ายตอนประทัดดังไม่ทันค่ะ
หมดไปกับอีก 1 วันค่ะ

เช้าวันที่ 3 คราวนี้ตื่นตั้งแต่เช้า เพื่อเก็บภาพ พิธีอิ้วเก้ง (แห่พระ) ของอ๊ามบ้านท่าเรือค่ะ
สามารถเข้าไปชมได้ในรีวิวตอนที่ 1 ค่ะ
ไหนๆ ก็มาแล้วต้องขอมาอ๊ามกะทู้ ซะหน่อย
อ๊ามหล่ายถู่ต้าวโบ้เก๊ง (ศาลเจ้ากะทู้)
นับว่าเป็นศาลเจ้าที่มีความสำคัญมาก เพราะนับได้ว่าศาลเจ้าแห่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของประเพณีถือศีลกินผักของชาวภูเก็ตที่สืบต่อมากระทั่งปัจจุบัน ศาลเจ้าแห่งนี้ตั้งอยู่ในชุมชนบ้านกะทู้ อำเภอเมืองกะทู้ ตามประวัตินั้นในสมัยที่มีชาวจีนเป็นจำนวนมากเข้ามาเป็นกรรมกรเหมืองแร่ในภูเก็ตได้เกิดโรคระบาดขึ้น คณะงิ้วจากเมืองจีนที่มาทำการแสดงที่บ้านกะทู้เกรงว่าอาจเป็นเพราะพวกตนไม่ได้ถือศีลกินผักตามที่เคยปฏิบัติกันมาที่ประเทศจีน พวกเขาจึงได้จัดพิธีถือศีลกินผักขึ้น 9 วัน 9 คืน ตามความเชื่อที่มีมา รวมทั้งช่วยกันสร้างศาลเจ้าแห่งนี้ด้วย หลังจากนั้นโรคร้ายก็หายไป ชาวบ้านกะทู้เกิดความเลื่อมใสจึงศรัทธา จัดให้มีพิธีถือศีลกินผักต่อเนื่องกันมา จากนั้นไม่นานประเพณีถือศีลกินผักก็แพร่หลายมากขึ้นเรื่อยๆ
ต่อมาหลวงอำนาจนรารักษ์ (ต้นตระกูลตัณฑเวทย์) ซึ่งเป็นนายเหมืองใหญ่ และเป็นผู้นำชุมชนบ้านกะทู้ได้ส่งคนไปนำเอา “เหี่ยวเอี้ยน” หรือขี้เถ้าธูปและกระถางธูปจากมณฑลกังใส ประเทศจีน มาไว้ที่ศาลเจ้ากะทู้ เพื่อให้พิธีถือศีลกินผักมีความถูกต้องสมบูรณ์ ศาลเจ้ากะทู้จึงได้ชื่อว่าเป็นจุดกำเนิดของประเพณีถือศีลกินผักบนเกาะภูเก็ตในปัจจุบัน
ที่ศาลเจ้ากะทู้แห่งนี้นอกจากจะมีกิมซิ้น หรือรูปเทพเจ้าจีน ไว้สักการบูชาของชาวไทยเชื้อสายจีนอยู่จำนวนมากแล้ว ที่นี่ยังมีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม ซึ่งเป็นที่ศรัทธาเลื่อมใสของชาวบ้าน โดยสวมใส่ชุดสีขาวพระพักตร์เอิบอิ่ม มีการเจิมจุดแดงที่พระนลาฏ พระหัตถ์ขวาทรงขวดน้ำมนต์ พระหัตถ์ซ้ายอยู่ในท่าประทานพร ทรงยืนบนฐานมังกร ซึ่งนับเป็นประติมากรรมเทพเจ้าจีนที่สวยงามมากรูปหนึ่งที่ผู้คนให้ความศรัทธาสูงยิ่ง
เกี้ยวหามพระ ของอ๊ามกะทู้
พระเกี้ยวใหญ่ หรือ “ตั๋วเหลี้ยม” (เสลี่ยงใหญ่) ของอ๊ามสามกะทู้ ค่ะ
สามารถเข้ามาไหว้พระด้านในได้ค่ะ
อ๊ามสุดท้าย ที่ I am Devil ยัยตัวร้าย เก็บภาพมาฝากค่ะ
อ๊ามบ้านท่าเรือ (หลิมเซ่งจ้อ หงอจิ้นหยิน)
ศาลเจ้าท่าเรือมี องค์พระโป้เส้งไต่เต่ (หงอ จิ้นหยิน) เป็นพระประธาน ท่านเป็นเทพเจ้า ที่มีความสามารถ ในวิชาแพทย์แผนโบราณ เลื่องลือในการ รักษาโรคภัยไข้เจ็บ จากประวัติคุณงามความดี และความสามารถ ในวิชา แพทย์โบราณ ได้มีผู้รวบรวมตำรับตำรายา ได้จัดทำเป็นหนังสือ สารานุกรม สมุนไพรจีนขึ้น แปลเป็นภาษาต่างๆ 52 ภาษา แจกให้กับห้องสมุดทั่วโลก จนชาวต่างชาติ ตั้งสมญานาม แก่โป้เส้งไต่เต่ว่า เทพเจ้าผู้ช่วยชีวิต
ศาลเจ้าท่าเรือเริ่มมีมาจาก เมื่อประมาณ 100 ปี เศษล่วงมาแล้ว นายหว่อได้เอารูปพระหงอจิ้นหยิน มาบูชาไว้ที่บ้านนายหว่อ อยู่มานายหว่อได้ฟกช้ำทีหลัง และอักเสบมาก ไปหาหมอรักษาที่ไหนก็ไม่หายมีอาการหนักขึ้นมาก บังเอิญพระที่อยู่ในบ้านคือ หงอจิ้นหยิน ได้เข้าทรง นายหีด และทำการรักษานายหว่อจนหายเป็นปกติ เลยทำให้ชาวบ้านและบุคคลอื่น ๆ รู้ว่า หงอจิ้นหยิน (พระท่าเรือ) เป็นพระที่รักษาผู้ที่เจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ ให้หายได้ จึงมีสมญาว่า พระหมอ และมีชาวบ้านมารักษากันบ่อย ๆ เสมอ
เข้ามาไหว้พระด้านในกันค่ะ
พระเกี้ยวใหญ่ หรือ “ตั๋วเหลี้ยม” (เสลี่ยงใหญ่) ของอ๊ามบ้านท่าเรือ ค่ะ
ได้เวลาต้องบินกลับเมืองกรุง ใช้บริการเจ้าเดิมค่ะ Air Asia
สามารถเช็คอินได้ด้วยตัวเอง กับเครื่องเช็คอินเลยค่ะ
ถ้าเช็คอินในเว็บไซต์ มาแล้ว ก็ bag drop ได้เลยค่ะ
ขอขอบคุณสายการบินแอร์เอเชียที่ให้การสนับการเดินทางครั้งนี้ค่ะ
และขอขอบคุณเพื่อนและน้องๆ ที่ให้การต้อนรับ เป็นไกด์ที่น่ารัก คอยแทคแคร์ตลอด 3 วัน 2 คืนค่ะ
I am Devil ยัยตัวร้าย จะกลับไปงานประเพณีถือศีลกินผัก ในปีหน้าค่ะ จะเตรียมตัวให้พร้อมกว่านี้ ปีนี้ชิมลางค่ะ แล้วปีหน้าเจอกันค๊า
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมรีวิวค่ะ สามารถพูดคุยกันได้ที่
Face Book : I am Devil ยัยตัวร้าย
IG : @bloggertripth
Twitter : @iamdevilth
Leave a Reply