วัดพะโคะ หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา

“หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด” ซึ่งใครๆ ก็รู้จักกันดี พระอาจารย์เกจิชื่อดังไม่ว่าคนไทย และคนต่างชาติ ต่างพากันมาสักการะบูชากันคับคั่ง วัดที่มีความสำคัญกับหลวงปู่ทวด และเป็นวัดที่มีชื่อเสียง คือ วัดพะโคะ อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา และวัดช้างไห้ อำเภอนาประดู่ จังหวัดปัตตานี

ยัยตัวร้าย จะสักการะบูชา หลวงปู่ทวด กันที่ วัดพะโคะ ซึ่งวัดพะโคะ อยู่อำเภอสทิงพระ การเดินทางใช้เส้นทาง สงขลา – นครศรีธรรมราช DSCF1060

 

วัดพะโคะ

ที่ตั้ง : ตั้งอยู่บนเขาพัทธสิงค์ หมู่ 6 ตำบลชุมพล อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลาDSCF1310

 

ทางขึ้นไปยังวัดพะโคะ สามารถขึ้นได้ 3 ทาง ทางแรกจะเดินขึ้นบันไดด้านหน้าวัด ทางที่ 2 สามารถนำรถยนต์ขึ้นไปได้อยู่ทางด้านหลังวัด และทางที่ 3 ใช้ลิฟท์ขนส่งบริการ

ทางนี้เป็นด้านหน้าวัด เราเดินขึ้นบันไดไปยังภายในวัดพะโคะDSCF1314

 

เราเดินขึ้นบันได จะเจอกับ พระสีวลี ปางเปิดโลกDSCF1080

 

ยัยตัวร้าย จะขับรถขึ้นไปยังด้านหลังวัดพะโคะ มีที่บริการจอดรถด้วย ขับรถเจอทางสามแยก ให้เลี้ยวขวามาจะเจอ พิพิธภัณฑ์หลวงปู่ทวด เหนียบน้ำทะเลจืด อยู่ทางซ้ายมือDSCF1293

 

พิพิธภัณฑ์หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด

เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2559 ได้จัดพิธีเปิดพิพิธภัณฑ์ หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด และเปิดใช้งานลิฟต์ขนส่งไปยังวัดพะโคะ

พิพิธภัณฑ์หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด สร้างขึ้นเพื่อเก็บรวบรวมของเก่า และวัตถุโบราณต่างๆ ในคาบสมุทรสทิงพระ และบอกเล่าเรื่องราวประวัติของหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด ซึ่งมีการจัดการแสดงออกเป็น 4 โซน คือ โซนแสดงชุมชนโบราณ และแหลงที่พบโบราณวัตถุ โบราสถาน บนคาบสมุทรสทิงพระ โซนเกี่ยวกับศาสนา โซนความเจริญรุ่งเรืองของเมืองสทิงพระ และโซนเกี่ยวกับตำนานหลวงปู่ทวดDSCF1300

 

บริเวณพิพิธภัณฑ์หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเล ยังจัดให้มีลิฟต์ขนส่งบริการ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว และประชาชนทั่วไป ไปยังวัดพะโคะDSCF1304

 

ถัดจากพิพิธภัณฑ์หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด จะมีซอยให้เราสามารถขับรถขึ้นไปยังวัดพะโคะทางด้านหลังได้DSCF1295

 

บริเวณพิพิธภัณฑ์หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด มีที่จอดรถให้บริการ และมีห้องสุขาให้บริการอีกด้วย ถ้าใครไม่อยากขับรถขึ้นไปเอง ก็สามารถจอดรถไว้บริเวณนี้ เพื่อใช้ลิฟท์ขนส่งไปยังวัดพะโคะได้ ต้องสอบถามเจ้าหน้าที่ก่อนว่าวันที่เราไปให้บริการลิฟท์หรือเปล่า เพราะวันที่ ยัยตัวร้าย ไปเค้าไม่เปิดให้บริการDSCF1292

 

ทางขึ้นด้านหลังวัดพะโคะจะเป็นสองเลนส์ ขับรถด้วยความระมัดระวังกันด้วย จะมีป้ายบอกทางขึ้นอยู่DSCF1062

 

บริเวณด้านหลังมีที่จอดรถให้บริการ แต่มีที่จอดรถไม่มากนัก ถ้าเป็นวันหยุดอาจจะมีที่จอดรถไม่เพียงพอDSCF1067

 

บริเวณด้านหลังจะมีรูปหล่อเหมือนจริงของหลวงปู่ทวด ประดิษฐานอยู่ เราสามารถไหว้สักการะได้DSCF1069

 

ผังบริเวณวัดพะโคะ

  1. กุฏิเจ้าอาวาส
  2. ศาลาการเปรียญ
  3. หลวงปู่ทวดปางธุดงค์
  4. หลวงปู่ทวดปางสมาธิ
  5. เจดีย์หลวง
  6. วิหารพระนอน
  7. อุโบสถ
  8. กุฏิเสวนาสน
  9. หอฉัน
  10. ศาลาอเนกประสงค์
  11. ห้องสุขา
  12. สวนสมุนไพร
  13. พระสังกัจจายน์
  14. พระสีวลี
  15. ตำแหน่งลิฟท์ ขึ้น – ลง
  16. ศาลาว่าความ
  17. ตำแหน่งเสาผูกช้าง
  18. บ่อน้ำซักจีวร
  19. พิพิธภัณฑ์สมเด็จเจ้าพะโคะ
  20. กู้ภัยสมเด็จพะโคะ

เนื้อที่วัดพะโคะ มีพื้นที่ 4 ไร่ 3 งาน 48 ตารางวา ดูแผนที่ภายในวัดพะโคะกันสักนิด เผื่อใครอยากไปยังจุดไหนก่อน ส่วน ยัยตัวร้าย ขอไปเริ่มต้นที่จุด 14 พระสีวลีกันก่อนแล้วกันค่ะDSCF1072

 

พระสีวลี

นิยมพบเห็นประดิษฐาน ณ บริเวณภายในวัด ส่วนมากจะเป็นปางธุดงค์ พระสีวลี จะเป็นรู้จักกันในชื่อ พระสิมปะลี หรือพระฉิมพลี ซึ่งเป็นเลิศในด้านผู้มีลาภมาก และได้รับขนามว่าเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภบ้าง อรหันต์แห่งโชคลาภบ้างDSCF1083

 

ถัดมาจะเป็น วิหารอนุสาวรีย์ สมเด็จพระราชมุนีสามีรามคุญ ปรมาจารย์ (หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด) ปางจาริกธุดงค์

หม่อมเจ้า ทองคำเปลว ทองใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายกิตติ วิภาค ประธานสภาจังหวัดสงขลา เป็นผู้ดำเนินการจัดสร้างเมื่อ พ.ศ. 2515 บูรณะปฏิสังขรณ์โดย นายนิกร เวชภูติ รองอธิบดีกรมที่ดิน นายชัยรัตน์ เสถียร รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายประยุทธ ศรีมีชัย สมาชิกสภา และคณะร่วมกันทอดผ้าป่าสามัคคี เมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2544 เป็นเงิน 586,600 บาทDSCF1087

 

ณ วิหารอนุสาวรีย์ ปางธุดงค์ จะเป็นที่ขอบนบานในเรื่องต่างๆ เมื่อได้รับดั่งที่บนไว้ ก็จะมาแก้บน และจุดประทัดกันที่นี่DSCF1091

 

วิหารย์หลังนี้ จะเป็นที่ประดิษฐานของหลวงปู่ทวด ปางธุดงค์ และปางสมาธิ และหลวงปู่ดู่ ให้ไหว้สักการะ

คาถาบูชาสมเด็จเจ้าพะโคะ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ ( 3 จบ)

คำอารธนา

ปาทัง ราชมุนีสามีรามัง อาราธะนัง สะระนัง อาคัจจามิ (3 จบ)

คาถาปลุกเสก หรือบูชา

นะโมโพธิสัตโต ราชะมุณีสามีราโม มหาปุญโญ อานุภาเวนะ (3 จบ)DSCF1093

 

หลวงปู่ทวด ปางธุดงค์ ซึ่งถ้าใครอยากบนบานขอเรื่องใดก็ตาม ต้องมาบนที่นี่ เมื่อได้พรดั่งใจหวังก็มาแก้บนที่นี่เช่นกันDSCF1100

 

ประวัติ วัดพะโคะ (วัดพระราชประดิษฐาน)

เดิมวัดนี้ปรากฏว่าพระชินเสนเป็นผู้สร้างราว พ.ศ. 500 ชื่อว่า วัดพระราชประดิษฐาน ฝังวิสุงคามสีมา พ.ศ. 840 พระยาธรรมรังคัล เจ้าเมืองพัทลุง (สทิงพระรานสี) เป็นศาสนูปถัมภ์ สร้างถาวรวัตถุหลายอย่าง เพราะเห็นความสำคัญของวัดพระพุทธบาท หรือวัดพระราชประดิษฐาน ครั้นต่อมาระหว่าง พ.ศ. 2091 – พ.ศ. 2111 พระยาดำรงกษัตริย์ (บางแห่งกล่าวว่าพระยาธรรมรังคัล) ได้นิมนต์พระมหาอโนมทัสสี พระณไสยมุย และพระธรรมกาวา ให้ไปเอากระบวนพระมหาธาตุ เมืองลังกา และมาสร้างเจดีย์ศรีรัตนมหาธาตุ สูงหนึ่งเส้นห้าวา ทำพระวิหารธรรมศาลา ทำอุโบสถสร้างกำแพงสูงหกศอกระหว่างเขตสังฆาวาสที่พักสงฆ์อาศัย คือ ส่วนลดต่ำทางทิศตะวันตกของพื้นที่วัด ส่วนที่เป็นเนินสูงราบเป็นชั้นๆ พื้นที่วัดทางทิศตะวันออกเป็นพุทธาวาส สถานที่ปลูกสร้างปูชนียวัตถุโบราณสถาน เช่น พระวิหาร พระพุทธไสยาสน์ พระเจดีย์ อุโบสถ ธรรมศาลา เป็นต้น และสร้างพระพุทธไสยาสน์ ชื่อว่า พระพุทธโคตมะ ตามความนิยมของชาวบ้านเรียกชื่อวัดตามชื่อพระโคตมะ ชื่อวัดพระราชประดิษฐาน เดิมไม่นิยมใช้เรียกกัน ครั้นต่อมา วัดพระโคตมะ เรียกเพี้ยนเป็นวัดพะโคะ ในกาลครั้งนั้น กษัตริย์หัวเมืองพัทลุง (สทิงพระ) และคณะสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ทำฎีกาเข้าไปยังกรุงศรีอยุธยาขอทำกัลปนาต่อพระเจ้าอยู่หัวใต้พระราชทานที่กัลปนาแก่วัดอารามต่างๆ ในเขตหัวเมืองนครศรีธรรมราช และเมืองพัทลุง (ดังปรากฏว่าด้วยการพระราชทานที่กัลปนาสำเนาจากหนังสือเทศาภิบาลเล่ม 1 ที่นำมาบางตอนพอเป็นสังเขปซึ่งเกี่ยวกับพะโคะเท่านั้น)DSCF1106

 

ศาลาบ่อน้ำซักจีวรหลวงปู่ทวดDSCF1117

 

วัดพะโคะ หรือ วัดประดิษฐาน เป็นวัดสำคัญของจังหวัดสงขลา ซึ่งสมเด็จเจ้าพะโคะ หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า “หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด” ได้เคยจำพรรษาอยู่เมื่อประมาณ 400 ปีกว่ามาแล้ว วัดพะโคะ เป็นวัดเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยที่เมืองสงขลาเดิมตั้งอยู่ที่อำเภอสทิงพระในปัจจุบัน ภายในบริเวณวัดมีพระเจดีย์ทรงลังกาประดิษฐานอยู่บนยอดเขาพัทธสิงห์ มีพุทธสถานเป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อจำลองของพระสมเด็จพะโคะDSCF1119

 

ภายในวัดพะโคะมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่หลวงปู่ทวดเคยใช้ขณะที่จำพรรษาอยู่ที่นี่ อย่างเช่น บ่อน้ำซักจีวรของหลวงปู่ทวด หลวงปู่ทวดเคยใช้เป็นที่สรงน้ำ และซักจีวร DSCF1122

 

ได้บูรณะปฏิสังขรณ์ให้เป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์DSCF1108

DSCF1114

 

ข้างศาลาจำหน่ายดอกไม้ ธูปเทียน จะมีศาลาให้เชิญปิดทอง และบูชาพระประจำวันเกิด ขอพรจาก หลวงปู่ทวด จงคุ้มครองท่าน และครอบครัว ให้โชคดีมีสุขปราศจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งปวง พร้อมด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ และขอให้เงินทองไหลมาเทมาสู่ครอบครัวท่านไม่ขาดสายDSCF1124

 

รูปหล่อจำลอง พระครูสุนทร สิทธิการย์ (เขียว ปุญญผโล) อดีตเจ้าอาวาส วัดพะโคะDSCF1126

 

ศาลา จำหน่าย ดอกไม้ ธูปเทียน ทอง ของวัด แล้วแต่ศรัทธาDSCF1128

 

ธูป เทียน ทองคำเปลว จัดไว้เป็นชุดๆ ส่วนดอกไม้จะมีทั้งดอกไม้สด และดอกไม้พลาสติก จะเป็นพวงมาลัยDSCF1130

 

ยัยตัวร้าย เลือก ดอกบัว ชุดธูป เทียน ทองคำเปลว 1 ชุด บริจาคตามจิตศรัทธา ไหว้พระขอพร หลวงปู่ทวดDSCF1135

 

เราไหว้พระสักการะหลวงปู่ทวดที่ศาลาข้างนอกตรงนี้ เพราะข้างในมณฑปจตุรมุข ไม่อนุญาตให้จุดธูปเทียนDSCF1142

 

ลานด้านนอกจะมีฆ้องวงใหญ่ เราสามารถนำมือไปรูปฆ้องวงใหญ่ เพื่อขอพรให้มีชื่อเสียงโด่งดัง กังวาลเหมือนเสียงของฆ้องวง และมีช้าง 2 คู่ ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันDSCF1144

 

จุดเทียน จุดธูป ไหว้สักการะหลวงปู่ทวด และขอพรDSCF1150

 

คาถาบูชาหลวงปู่ทวด 

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต (3 จบ)

นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา (3 จบ)

 

คาถาบูชาหลวงปู่ทวด บทนี้ ให้สวดภาวนา ก่อนขึ้นรถ ลงเรือ ติดต่อค้าขาย ทำให้เกิดสิริมงคล โชคลาภ ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ให้หมั่นสวดเจริญภาวนา จะบังเกิดสิ่งอัศจรรย์แก่ตนเอง และครอบครัว และยังเชื่อว่าหากท่องบทสวดนี้เป็นประจำ หลวงปู่ทวดจะคุ้มครองให้เราปลอดภัย แคล้วคลาดจากภยันอันตรายทั้งปวงDSCF1146

 

ภายในมณฑปจตุรมุข ทางเข้าประตูจะเป็นลายไทยกนกDSCF1163

 

มณฑปจตุรมุข

มณฑปจตุรมุข เป็นที่ประดิษฐานรูปจำลอง และอนุสาวรีย์สมเด็จพระราชมุนีสามีรามคุณูปรมาจารย์ หรือที่รู้จักกันในนาม “หลวงปู่ทวด” และยังมีรอยพระพุทธบาทซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าเป็นรอยพระบาทของหลวงปู่ทวดนั่นเอง  ซึ่งวางคู่กันภายในมณฑปจตุรมุข เพื่อให้ประชาชนได้เข้ามาสักการะโดยสะดวกDSCF1156

 

ทางเข้าประตูมณฑปจตุรมุข จะมีรูปจำลอง พระครูธรรมานุกูล (หลวงปู่ภู จนฺทเกสโร) อดีตเจ้าอาวาส วัดอิทรวิหาร บางขุนพรหมDSCF1169

 

รูปหล่อจำลอง หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด ในปางต่างๆDSCF1171

 

 

DSCF1174

DSCF1179

 

ประวัติ สมเด็จเจ้าพระราชมุนีสามีรามคุณูปรมาจารย์ หรือ หลวงปู่ทวด

ประมาณพุทธศตวรรษที่ 22 สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ณ ตำบลกุฏิหลวง กุมารน้อยถือกำเนิดในตระกูลชาวนา วันหนึ่งมารดาไปนา จึงผูกเปลลูกไว้ใต้ต้นหว้า บังเกิดงูจงอางเลื้อยขึ้นมาขดพันในเปล มารดา และชาวบ้านที่เห็นต่างตกใจ ร้องบนบานเทพารักษ์ให้ช่วย ครั้นงูเลื้อยไป มาดูเห็นลูกแก้ววางอยู่กับกุมารน้อยในเปล ครั้นจำเริญวัย พระจวงเจ้าบวชให้ ณ วัดกุฏิหลวง (วัดดีหลวง) ได้ชื่อว่าเจ้าเณรปู ร่ำเรียนเขียนอ่านแล้ว จึงศึกษาพระธรรมบทกับสมเด็จพระชินเสน ณ วัดศรีกูญัง (วัดสีหยัง)

เมื่อจบการศึกษาธรรมบททศชาติแล้ว เจ้าเณรปูจึงไปศึกษาต่อ ณ เมืองนครศรีธรรมราช จนกระทั่งอายุ 21 ปี จึงได้บวชเป็นพระภิกษุ ณ สำนักพระมหาเถรปิยทสสี ได้สมญาเจ้าสามีราม ต่อมาจึงอาศัยเรือของนายสำเภาชื่ออิน เพื่อไปศึกษาธรรมที่กรุงศรีอยุธยา ขณะสำเภามากลางทะเล เกิดพายุใหญ่เจ็ดวันเจ็ดคืน นายสำเภาเคืองคิดพาลไปว่าเป็นเพราะรับเจ้าสามีรามลงเรือมาจึงเกิดอาเพศ แต่เมื่อเจ้าสามีรามใช้เท้าซ้ายแช่น้ำทะเล น้ำก็จืด อาบกินได้ นายสำเภาจึงได้น้ำจืดเป็นเสบียง แล้วขอเป็นโยมอุปัฏฐาก เมื่อถึงกรุงศรีอยุธยาก็นิมนต์เจ้าสามีรามไปอยู่วัดแค และให้ทาสชื่ออ้ายจัน คอยปฏิบัติรับใช้

เจ้าสามีราม จำพรรษาอยู่ ณ วัดแค ไปเรียนธรรมที่สำนักวัดลุมพลีนาวาสอยู่หลายพรรษา อยู่มาวันหนึ่งมีสำเภาราชฑูตจากต่างประเทศมาท้าให้ทายปริศนาพระอภิธรรมเจ็ดคัมภีร์ พระภิกษุทั้งกรุงศรีอยุธยาไม่สามารถทายได้ แต่เจ้าสามีรามทายได้ ราชฑูตยอมแพ้ แล้วทูลเกล้าฯ ถวายสิ่งของในสำเภาแด่พระเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างกุฏิถวายเจ้าสามีราม และให้ครองเมืองส่วนหนึ่ง เจ้าสามีรามคลองอยู่สามวัน ก็ถวายคืน และขอพระราชทานสร้างวัดราชประดิษฐานบนยอดเขาพะโคะ ขอยกเว้นภาษีแก่ชาวบ้านในเขตที่วัด จึงมีพระราชโองการให้ทำกัลปนาอุทิศให้ตามที่ขอ

พระเจ้าอยู่หัวแห่งกรุงศรีอยุธยา มีพระราชโอการให้ก่อพระมาลิกเจดีย์ศรีรัตนมหาธาตุขึ้นบนเขาพะโคะ โดยได้พระราชทานยอดพระมาลิกเจดีย์พระมหาธาตุหล่อด้วยเบญจโลหะ ยาวสามวา สามคืบ (6.75 เมตร) พร้อมอิฐก่อพระเจดีย์ ให้สมเด็จเจ้าพระรามนักปราชญ์ (เจ้าสามีราม) พร้อมด้วยนายจันผู้พี่ และมหาเถรศรีผู้น้อง นำลงเรือเพื่อมาประดิษฐานพระเจดีย์สูงหนึ่งเส้นห้าวา (50 เมตร) และโปรดเกล้าฯ ให้มีข้าพระคนทานรักษาพระเจดีย์ พระธรรมศาลา พระอุโบสถสืบไป และโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าพระรามนักปราชญ์เป็น สมเด็จเจ้าราชมุนีตั้งแต่นั้นมาDSCF1180

 

มีการเสี่ยงทายคำทำนาย มีทั้งเสี่ยงเซียมซี เสี่ยงไม้ปวย และยกช้างเสี่ยงทายDSCF1194

 

วิธีอธิษฐานยกช้างเสี่ยงทายความสำเร็จ

สำหรับช้าง นั่งคุกเข่าชิดตัวช้าง และเสมอด้านหน้าช้างด้านที่ถนัด ตั้งใจให้มั่นระลึกถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ผู้ชายยกนิ้วก้อย ผู้หญิงยกด้วยนิ้วนาง

ยกครั้งที่ 1 (เรื่องที่อธิษฐานถาม) ถ้าประสบความสำเร็จขอให้ยกช้างนี้ขึ้น

ยกครั้งที่ 2 (อธิษฐานถามซ้ำเรื่องเดิม) ถ้าประสบความสำเร็จขอให้ยกช้างนี้ไม่ขึ้น

ถ้าเป็นไปตามนี้แสดงว่าเรื่องที่ต้องการทราบประสบความสำเร็จDSCF1191

 

อนุสาวรีย์สมเด็จเจ้าพระราชมุนีสามีรามคุณูปรมาจารย์DSCF1184

 

ทางขึ้นกุฏิเจ้าอาวาสDSCF1075

DSCF1077

 

กฏิเจ้าอาวาสDSCF1196

 

ภายในกุฏิเจ้าอาวาสเป็นที่เช่าบูชาหลวงปู่ทวด และเป็นที่ประดิษฐาน “ลูกแก้วิเศษ” ของหลวงปู่ทวด อีกทั้งยังมีหุ่นขี้ผึ้งหลวงปู่ทวดปางสมาธิกับลูกแก้ววิเศษอีกด้วยDSCF1197

 

DSCF1200

 

พระสุวรรณมาลิกเจดีย์ศรีรัตนมหาธาตุDSCF1202

 

พระสุวรรณมาลิกเจดีย์ศรีรัตนมหาธาตุ (เจดีย์ทอง) หรือพระเจดีย์ เป็นเจดีย์ประธานของวัด เชื่อกันว่าน่าจะเป็นเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ รูปแบบของเจดีย์เป็นศิลปกรรมสมัยอยุธยา สร้างขึ้นในสมัยของสมเด็จพระเอกาทศรถ  (พ.ศ. 2148 – 2153) และได้รับการบูรณะซ่อมแซมเรื่อยมา DSCF1204

 

ใต้พระสุวรรณมาลิกเจดีย์ศรีรัตนมหาธาตุ จะมีพระพุทธรูปหลายองค์ประดิษฐานอยู่ทั้งสี่ทิศ เป็นโถงทางเดินโดยรอบDSCF1209

DSCF1221

DSCF1205

 

มีระฆังทองประดับโดยรอบDSCF1208

 

พระสุวรรณมาลิกเจดีย์ศรีรัตนมหาธาตุ เป็นสถาปัตยกรรมภาคใต้แบบลังกาสมัยอยุธยา  ซึ่งภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าที่นำมาจากลังกา ได้รับการบูรณะใหม่ในสมัยสมเด็จพระราชมุนีสามีรามคุณูปรมาจารย์ เลียนแบบพระบรมธาตุนครศรีธรรมราชDSCF1211

 

องค์เจดีย์ ตั้งอยู่บนฐานสูงรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดใหญ่ 3 ชั้น รอบฐานชั้นล่างสุดมีประติมากรรมปูนปั้นรูปช้าง และพาไลมุงกระเบื้องเกล็ดเต่าDSCF1255

 

องค์ระฆังค่อนข้างกว้าง และสั้น บัลลังก์รูปแปดเหลี่ยม เหนือบัลลังก์ เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นประทับนั่งอยู่ภายในซุ้ม ปล้องไฉนหนา และสั้นรองรับปลียอดที่มีรูปร่างเพรียวยาวDSCF1214

 

ฐานเจดีย์ชั้นล่างสุดมีขนาดกว้างประมาณ 23 เซนติเมตร ยาวประมาณ 23 เซนติเมตรDSCF1254

 

เจดีย์DSCF1228

 

เจดีย์ ตั้งอยู่ข้างวิหารพระโคตมะ DSCF1241

 

เป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูนทรงระฆัง ฐานย่อมุมไม้สิบสองDSCF1232

 

DSCF1230

 

จากตรงเจดีย์ สามารถมองเห็นพระสุวรรณมาลิกเจดีย์ศรีรัตนมหาธาตุ องค์สีขาวได้อย่างชัดเจนDSCF1243

 

วิหารพระพุทธไสยาสน์ จะอยู่ด้านหลังของพระอุโบสถ ซึ่งวันที่ ยัยตัวร้ายไป วิหารพระพุทธไสยาสน์ปิด ไม่สามารถเข้าไปยังภายในวิหารได้

วิหารพระพุทธไสยาสน์ หรือวิหารพระโคตมะ ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ พระโคตมะ หรือพะโคะ ปางปรินิพพาน เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิดทอง ฝีมือช่างท้องถิ่นภาคใต้ พระพุทธไสยาสน์องค์นี้ สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างมาตั้งแต่ พ.ศ. 2057 พระพุทธไสยาสน์มีขนาดความยาวประมาณ 18 เมตรสูง 2.5 เมตรDSCF1218

 

พระอุโบสถ

มีช้าง 1 คู่ ตั้งอยู่ทางขึ้นบันได พระอุโบสถ เป็นทรงไทย หลังคามีช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หลังคาลดชั้น มีพาไลหน้า – หลังDSCF1269

DSCF1283

 

ซุ้มประตูเป็นรูปพระมงกุฎ ประดับวานรแบกทวารบาล มีรูปปั้นช้าง 1 คู่ตั้งประดับDSCF1265

 

ภายในพระอุโบสถ ไม่ได้เปิดให้เข้าชม จะเปิดเมื่อมีพิธีกรรมทางศาสนาเท่านั้นDSCF1279

DSCF1286

 

ด้านซ้ายมือของพระอุโบสถ มีพระสังกัจจายน์ประดิษฐานอยู่ใกล้ๆ บริเวณโดยรอบร่มรื่นDSCF1274

 

พระสังกัจจายน์DSCF1273

 

วัดพะโคะ

เป็นวัดเก่าแก่ที่มีชื่อเสียง และยังเป็นวัดที่ตำนานเรื่องเล่าของหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด เป็นที่เคารพนับถือของประชาชนภาคใต้ คาถาบูชาหลวงปู่ทวด ให้สวดภาวนา ก่อนขึ้นรถ ลงเรือ ติดต่อค้าขาย ทำให้เกิดสิริมงคล โชคลาภ ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ให้หมั่นสวดเจริญภาวนา จะบังเกิดสิ่งอัศจรรย์แก่ตนเอง และครอบครัว และยังเชื่อว่าหากท่องบทสวดนี้เป็นประจำ หลวงปู่ทวดจะคุ้มครองให้เราปลอดภัย แคล้วคลาดจากภยันอันตรายทั้งปวง

โบราณสถานที่สำคัญ คือ พระสุวรรณมาลิกเจดีย์ศรีรัตนมหาธาตุ วิหารพระพุทธไสยาสน์ เจดีย์ พระอุโบสถ เป็นต้นDSCF1226

 

อุปกรณ์ที่ใช้บันทึกภาพ

Body : Fujifilm X-T10

Lens : Fujinon Lens XF 10 – 24 mm F4 R OIS

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมรีวิวค่ะ สามารถพูดคุยกันได้ที่

Face Book : ยัยตัวร้าย สะพายกล้อง / Bloggertrip

IG : @bloggertripth

Twitter : @iamdevilth

Share Button
Leave a Reply