ถ้าหากเอ่ยถึงชื่อ วัดมหัตตมังคลาราม น้อยคนนักที่จะรู้จัก แต่ที่เอ่ยชื่อ วัดหาดใหญ่ใน ต้องร้องอ่อ ทันที
วัดมหัตตมังคลาราม หรือ วัดหาดใหญ่ใน
ที่ตั้ง : ถนนเพชรเกษม อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
ภายในวัดจะเจอศาลาฤาษี ไหว้สักการะขอพรกันก่อน
ศาลาจำหน่าย ธูป เทียน ดอกไม้ ชุดสังฆทาน ตามกำลังศรัทธา
พระนอนองค์ใหญ่ ประดิษฐานอยู่ในวัดหาดใหญ่ใน
ตรงข้ามศาลาฤาษี มีพระพุทธรูป อยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่
มีพระพุทธรูป ประดิษฐานภายในพระวิหาร
วัดมหัตตมังคลาราม
เดิมชื่อ วัดหาดใหญ่ใน เริ่มก่อตั้งเป็นสำนักสงฆ์ เมื่อปี พ.ศ. 2479 โดยนายทอง นางฉิ้น ใจเย็น ได้บริจาคที่ดินของตน 1 ไร่ และได้ประชุมตกลงร่วมกับประชาชนชาวบ้านหาดใหญ่ อาราธนาพระมหาคลิ้ง อตฺถจาโร ปัจจุบัน คือ พระครูวิจิตรพรหมวิหาร จากวัดเลียบ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา มาเป็นเจ้าอาวาสรูปแรก ต่อมานายจินต์ รักการดี นายอำเภอหาดใหญ่ (สมัยนั้น) พร้อมประชาชนได้มีจิตศรัทธาบริจาคซื้อที่ดินเพิ่มเติม และสร้างวัดขึ้น ในวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2490 ต่อมากระทรวงศึกษาธิการประกาศตั้งเป็นวัด วันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2490 ให้มีนามว่า “วัดหาดใหญ่ใน” และได้เปลี่ยนนามใหม่เมื่อวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2523 โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ได้พระราชทานนามวัดใหม่ว่า “วัดมหัตตมังคลาราม” เพื่อให้สอดคล้องกับนามพระพุทธไสยาสน์ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทาน พร้อมกับพระนามาภิไธยย่อ “ม.ว.ก.” ประดิษฐานไว้ที่ซุ้มประตูวัด และได้ทรงรับวัดนี้ไว้ในพระราชานุเคราะห์ด้วย ปัจจุบันวัดมีเนื้อที่รวม 26 ไร่ 2 งาน 26 ตารางวา
พระวิหารพระพุทธมหัตตมงคล
ซึ่งเป็นพระนอนที่มีความยาวถึง 35 เมตร สูง 15 เมตร กว้าง 10 เมตร ว่ากันว่าใหญ่เป็นอันดับสามของโลก
เมื่อปี พ.ศ. 2416 เริ่มก่อสร้างพระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ ขนาดยาว 35 เมตร สูง 15 เมตร
เมื่อวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2519 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยพระเจ้าลูกเธอทั้ง2 พระองค์ (สมเด็จพระเทพฯ และเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ฯ) ได้เสด็จพระราชดำเนินมาประกอบพิธียกพระเกตุมาลาพระพุทธไสยาสน์ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามพระพุทธไสยาสน์ว่า “พระพุทธมหัตตมงคล” ซึ่งพระองค์ทรงแปลว่า “พระพุทธเจ้าผู้ทรงบรรลุถึงความเป็นใหญ่ เป็นมงคล”
เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2520 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร พร้อมด้วยพระวรชายา ได้เสด็จพระราชดำเนินมาเป็นองค์ประธานในการประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์สร้างวิหารพระพุทธไสยาสน์ และในโอกาสเดียวกันนี้ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับวัดหาดใหญ่ ไว้ในพระราชานุเคราะห์ พร้อมทั้งพระราชทานนามวัดใหม่ว่า “วัดมหัตตมังคลาราม” เพื่อให้สอดคล้องกับนามพระพุทธไสยาสน์ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทาน และทรงพระราชทานพระราชานุญาตให้อัญเชิญพระนามาภิไธยย่อ “ม.ว.ก.” ประดิษฐานที่หน้าบันซุ้มประตูวัดด้วย
พระพุทธมหัตตมงคล
ทำพิธีวางศิลาฤกษ์ ดำเนินก่อสร้างเมื่อ 29 สิงหาคม 2515 โดยมี ม.จ.ทองคำเปลว ทองใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานในพิธี
ทำพิธีหล่อพระเกตุมาลา พระหฤทัย พระปัปผาสะ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นราธิวาส พัทลุง และนายกเทศมนตรีเมืองหาดใหญ่ เป็นประธานเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2517
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จฯ พระบรมราชินินาถ พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์ เสด็จมาประกอบพิธียกพระเกตุมาลา เมื่อวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2519
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก เสด็จเยี่ยม และทรงประกอบพิธีประดิษฐานแผ่นศิลาจารึกไว้ที่พระเขนย พระพุทธมหัตตมงคล เมื่อวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2520 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช พระวรชายา เสด็จมาประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ ดำเนินก่อสร้างวิหารพระพุทธมหัตตมงคล เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2520
พระวิสุทธิวงศาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนใต้ มาประกอบพิธียกช่อฟ้าพระพุทธมหัตตมงคล เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2529
พระพุทธมหัตตมงคล มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน และมีความสวยงดงาม ส่งผลให้ประชาชนทุกสารทิศหลั่งไหลมากราบไหว้กันอย่างขาดสาย ด้วยพลังความศัรทธา
พระพุทธไสยาสน์ หรือเรียกกันว่า พระนอน เป็นพระพุทธรูปปางโปรดอสุรินทราหู
พระพุทธไสยาสน์ ปางโปรดอสุรินทราหู
ครั้งพุทธกาล สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงนิมิตกายให้ใหญ่โต เพื่อแสดงให้อสุรินทราหูผู้ครองอสูรพิภพ ลดความทิฐิ และกลับมาเลื่อมใสในพระองค์ พระพุทธรูปปางนี้มักมีขนาดใหญ่โตมาก ประทับนอนแบบสีหไสยาสน์ พระกัจฉาทับพระเขนย และพระหัตถ์ยกขึ้นประคองพระเศียร
เป็นลาดลายไทย แกะสลักได้งดงามวิจตรศิลป์
ใต้ฐานพระพุทธมหัตตมงคล มีจำหน่ายทั้งชุดธูป เทียน ทองคำเปลว ดอกไม้สด พวกมาลัย แล้วแต่ตามจิตศรัทธา เวลาเปิดให้เข้ามนัสการพระนอน เวลา 08.00 น. – 17.00 น.
ภายใต้ฐานพระพุทธมหัตตมังคลาราม ยังมีพระพุทธรูปหลายองค์ ประดิษฐานให้เราได้กราบไหว้สักการะ
และภายใต้ฐานพระพุทธมหัตตมังคลาราม ยังเป็นที่เก็บบรรจุอัฐิ
บริเวณด้านหน้าฝั่งพระบาทของพระพุทธมหัตตมงคล จะมีท้าวมหาพรหม ตั้งประดิษฐานให้สักการะบูชา
พระวิหารพุทธมหัตตมงคล มีชื่อเสียงประวัติความเป็นมายาวนาน และเป็นพระนอนที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก ทำให้มีประชาชนหลั่งไหล่เข้ามาชมความใหญ่โต และความสวยงาม ไม่ขาดสาย พร้อมทั้งไหว้สักการะขอพร ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ก็นิยมมาวัดแห่งนี้เช่นกัน โดยมักจะพบชาวมาเลเซียเป็นส่วนใหญ่
อุปกรณ์ที่ใช้บันทึกภาพ
Body : Fujifilm X-T10
Lens : Fujinon Lens XF 10 – 24 mm F4 R OIS
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมรีวิวค่ะ สามารถพูดคุยกันได้ที่
Face Book : ยัยตัวร้าย สะพายกล้อง / Bloggertrip
IG : @bloggertripth
Leave a Reply