ประเทศเพื่อนบ้านแถบ AEC เคยไปเที่ยวที่ประเทศไหนกันมาบ้างคะ สำหรับ I am Devil ยัยตัวร้าย เคยไปประเทศ มาเลเซีย และสิงคโปร์ค่ะ
มาเลเซีย เคยไปกรุงกัวลาลัมเปอร์, ปุตราจายา และเก็นติ้ง ทริปนี้ มีโอกาสได้ไปประเทศมาเลเซีย อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งทริปนี้ ได้มีโอกาสไปเยือน “ลังกาวี”
“ลังกาวี” มีเรื่องเล่าขานกันมา อุบ!!! ไว้ก่อนค่ะ ว่าตำนานเรื่องเล่าขานอะไร
ยัยตัวร้าย มีข่าวดีมาบอก! สำหรับนักท่องเที่ยวทุกคน เพราะตอนนี้ Traveloka จัดแคมเปญ EPIC SALE แคมเปญลดราคาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด โดยมอบส่วนลดสูงสุดถึง 80% จองได้ตั้งแต่ 25-29 กันยายน 2019 และเดินทางได้ถึงกลางปี 2020 เลย กดรับส่วนลดและดูรายละเอียดคลิก https://www.traveloka.com/th-th/promotion/epicsaleth
และจองตั๋วเครื่องบินไปมาเลเซียได้ที่ >>>>> https://www.traveloka.com/th-th/flight-to-malaysia
พร้อมที่จะเดินทางสู่ “ลังกาวี” กับ I am Devil ยัยตัวร้าย หรือยังคะ พร้อมแล้ว เหิรฟ้า มุ่งสู่ “ลังกาวี” กันเลยค๊า
ทริปนี้เราได้รับเชิญร่วมทริปไปกับทาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ซึ่งจัดทริป “ลังกาวี – สตูล” เป็นเวลา 4 วัน 3 คืน เรานัดพร้อมกันที่ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมืองเวลา 05.00 น. เราเดินทางกับสายการบินนกแอร์ ไฟท์ DD 7102 เวลา 06.00 น.
I am Devil ยัยตัวร้าย มาถึงสนามบินดอนเมือง เวลา 04.30 น. คนเยอะมาก ถ้าให้ดีเผื่อเวลามาทำการ Check in และโหลดกระเป๋าไว้ด้วยนะคะ เพราะเที่ยวบินเช้า คนเยอะมาก จะเจอกรุ๊ปทัวร์หลายกรุ๊ปเลยล่ะค่ะ ถ้าใครไม่มีโหลดกระเป๋า แนะนำให้ Check in ผ่านเว็บไซต์ หรือ Application ไว้ล่วงหน้าเลย
ใช้เวลาเดินทางทาง 1 ชั่วโมง 25 นาที ก็มาถึงท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เรามากินติ่มซำ ซึ่งใครต่อใครบอกกันว่า ต้องมาลองกินที่ “ร้านโชคดีแต่เตี้ยม” ไม่ได้กลับบ้านมานาน เพิ่งทราบว่า โชคดีแต่เตี้ยม เปิดสาขา 2 แล้ว สาขา 2 ตั้งอยู่ ถนนศรีภูวนารถ ตรงบริเวณ ป.ณัฐพล อยู่ใกล้กับธนาคารไทยพาณิชย์ เยื้องกับ K&K ศรีภูวนารถ ส่วน โชดดีแต่เตี้ยม สาขา 1 อยู่แถว โรงแรม ไดอิชิ เส้นเดียวกับ โรงเรียนศรีนคร
ภายในร้าน เปิดบริการชั้นเดียว คือ ชั้นล่าง 2 คูหา คนเยอะจริงๆ เลยค่ะ เต็มทุกโต๊ะ ขอเค้าเด็ดจริงๆ
เปิดบริการ ช่วงเช้า เวลา 06.30 น. – 12.00 น. และ ช่วงเย็น เวลา 17.30 – 22.00 น.
มาแล้วต้องลอง “บัดกุ๋ดแต๋”
บัดกุ๋ดแต๋ ประกอบไปด้วย ซี่โครงกระดูกหมู, หางหมู และไส้หมู
ปรุงเครื่องด้วยเครื่องตุ๋นยาจีน เสิร์ฟร้อนๆ จากเตา
ชามนี้เป็นชามเล็ก ราคา 100 บาท ชามใหญ่ 300 บาท เพิ่มข้าวสวย ชามละ 10 บาท
ถ้าถามถึง บัดกุ๋ดแต๋ I am Devil ยัยตัวร้าย ชอบร้าน กุ๊กชัย แถวทุ่งเสามากกว่าค่ะ รสชาด กลมกล่อมถึงเครื่องยาจีน มากกว่า อันนี้แล้วแต่คนชอบนะคะ
มาดูหน้าตา “ติ่มซำ” กันบ้างค่ะ ว่ามีอะไรให้เราเลือกทานบ้าง
ติ่มซำ เข่งละ 18 บาท
ติ่มซำที่ใสเข่งไว้แล้วจะมี อาทิ ขนมจีบ ซาลาเปา กระดูกหมู เป็นต้น
ส่วนในจานเล็ก ก็มีติ่มซำ หลายหน้า ชอบทานอะไร เลือกได้ตามชอบเลยค่ะ
ติ่มซำ หน้าไข่แดง อันนี้ชอบค่ะ ของโปรดเลย สั่งติ๋มซำ ก็ต้องมี ไข่แดง ทุกทีเลย
อันนี้ก็ชอบค่ะ ติ่มซำ เห็ดเข็มทองห่อเบคอน, เห็ดหูหนูขาว ชอบๆๆ
รอ…รอ หิวแล้ว นู๋ หิวแล้ว นึ่งให้ไว ^______^
มา…แล้ว นี่แค่ส่วนหนึ่งนะคะ โต๊ะวางไม่พอ เชื่อมั้ยคะว่า เพียง 10 นาที ทุกอย่างไม่เหลือ 555 สงสัยหิวจัด
ถ้าถามว่าอร่อยเท่ากับ โชคดีแต่เตี้ยม สาขา 1 มั้ย ในความคิดของ I am Devil ยัยตัวร้าย คิดว่า สาขา 1 รสชาดอร่อยกว่าค่ะ
เรามุ่งหน้าสู่ท่าเรือ ไปยัง ลังกาวี ทริปนี้ เราไม่ได้ไปท่าเทียบเรือตำมะลัง จ.สตูล แต่เราออกไปทางด่านนอก อ.สะเดา จ.สงขลา ค่ะ ทางนี้ก็ไปได้ แต่การเดินทางจะเดินทางลำบากกว่าทางท่าเทียบเรือตำมะลัง เราต้องมีรถขับไปเอง หรือจ้างรถตู้ เพื่อไปส่งที่ ท่าเทียบเรือ กัวลา เปอร์ลิส (Kuala Perlis) ใช้เวลาเดินทางจากด่านสะเดาประมาณ 1 ชั่วโมง
ท่าเทียบเรือ กัวลา เปอร์ลิส (Kuala Perlis) ตั้งอยู่ที่ปากอ่าว Sungai Perlis ใช้เวลาเดินทางไปยังเกาะลังกาวี ประมาณ 45 นาที
เรือเฟอร์รี่ มีเที่ยวเรือให้บริการ 7.00 am, 8.15 am, 9.30 am, 10.45 am, 12.00 am, 1.30 pm, 3.00 pm, 4.30 pm, 6.00 pm และ 7.00 pm (ตามเวลาประเทศมาเลเซีย เร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง)
ได้ตั๋วมาแล้วค่ะ ราคาตั๋ว RM 18.00 (คิดเป็นเงินไทย RM 1 = 10 บาท)
ในตั๋ว จะระบุ ดังนี้
1. ราคาตั๋ว สำหรับ ผู้ใหญ่ RM 18.00
2. เดินทางจาก Kuala Prelis ไปยัง ลังกาวี
3. ฺBoarding Code
4. วันที่เดินทาง
5. เวลาเดินทาง นั่นก็คือ รอบเที่ยวเรือเฟอร์รี่ ที่เราจะไป ย้ำ!!! นะคะ ว่า ตามเวลาประเทศมาเลเซีย ซึ่งเวลาจะเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง
6. เลขที่นั่ง ในตั๋วระบุ “252” นั่นคือเราต้องนั่งตามหมายเลขที่ระบุในตั๋วค่ะ
ตั๋วจะมีด้วยกัน 2 ส่วน ก่อนขึ้นเรือเราต้องยื่นให้พนักงาน ส่วนหนึ่งเราเก็บไว้ อีกส่วนหนึ่ง พนักงานเก็บไว้ค่ะ
เราได้เที่ยวเรือเฟอร์รี่ เวลา 1.30 pm เจ้าหน้าที่ ก็เรียกเราขึ้นเรือ ต่อแถวขึ้นเรือกันค่ะ
เด็กๆ ตาม พี่หญิง มาขึ้นเรือเฟอร์รี่ กันค๊า
อย่าแตกแถวนะคะ เดินตามมาไม่ต้องรีบค่ะ ยังไงเรือก็รอเรา ถ้าเราไม่ผิดเวลา จนต้องทำให้เวลาเรท
เรือเฟอร์รี่ เป็นเรือ 2 ชั้น ของเราได้ที่นั่ง 252 อยู่ด้านบนค่ะ
ไม่ต้องกลัวว่าจะหาที่นั่งไม่เจอ จะมีเลขกำกับแต่ละที่นั่งอยู่ค่ะ แถวนึงนั่งได้ 4 คน แต่ไม่ทราบนะคะ ว่า 251 หรือ 254 อยู่ในสุด สันนิษฐานเอาค่ะ 251 น่าจะอยู่ด้านในติดกับริมหน้าต่าง ส่วน 254 ติดับริมทางเดิน
บริเวณชั้น 2 ของเรือเฟอร์รี่ มีแอร์นะคะ มีเสื้อชูชีพ ไว้สำหรับเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ยามสถานการณ์ต้องใช้ เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารของทุกคน
สัมภาระ อย่างกระเป๋าเสื้อผ้า เราวางไว้ชั้นล่างค่ะ จะมีที่สำหรับวางกระเป๋า เราต้องเป็นคนจัดแจงวางกระเป๋าเองนะคะ
พร้อมเดินทางแล้วค่ะ น้องโบ๊ท พร้อมเดินทางมั้ยคะ
ได้เวลาออกจากท่าเทียบเรือ กัวลาเปอร์ลิส มุ่งหน้าสู่ เกาะลังกาวี เราใช้เวลาเดินทาง 45 นาที
เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง เรทไป 15 นาที แต่ก็ไม่เป็นไรค่ะ ในที่สุดเราก็ถึง ท่าเทียบเรือเฟอร์รี่ เมืองกัวห์ เกาะลังกาวี แล้วค่ะ
เราไม่ต้องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองของประเทศมาเลเซียแล้วค่ะ เพราะเราได้ผ่านตรวจคนเข้าเมือง ตรงด่านสะเดา เรียบร้อยแล้ว
ท่าเรือเฟอร์รี่เมืองกัวห์ เป็นที่ตั้งของเจ็ทตี้ พอยท์ (Jetty Point) ซึ่งเป็นแหล่งรวมสินค้าปลอดภาษี มีร้านค้าให้เราเลือก Shopping จะซื้อของฝากกลับไปก็ได้ค่ะ เอาไว้ขากลับ คงได้ซื้อของฝากกลับกันอย่างแน่นอน
เราเดินออกจาก เจ็ทตี้ พอยท์ เพื่อมาขึ้นรถตู้ ที่ทางไกด์ ได้เตรียมไว้
“ลังกาวี” (Langkawi) เป็นภาษามาเลย์ คำว่า “ลัง” ย่อมาจากคำว่า “เฮลัง” (Heang) หมายถึง นกอินทรีย์ ส่วนคำว่า “กาวี” หมายถึง สีน้ำตาแดง เพราะฉะนั้น
“ลังกาวี” แปลว่า นกอินทรีย์สีน้ำตาลแดง
“ลังกาวี” หรือ “ลังกาวี อัญมณีแห่งไทรบุรี” (Langkawi Premata Kedah) ได้รับพระราชทานนามจาก “สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านอับดุล ฮาลิม” โดยตั้งนามขึ้น เพื่อให้ทราบว่า ลังกาวีเป็นส่วนหนึ่งของรัฐไทรบุรีมาก่อน
“ลังกาวี” ตั้งอยู่ในทะเลอันดามัน ใกล้ฝั่งทะเลตะวันตกเฉียงเหนือของคาบสมุทรมาเลเซีย ขึ้นตรงกับรัฐเกดะห์ ประเทศมาเลเซีย
“ลังกาวี” ห่างจาก เกาะตะรุเตา ของประเทศไทย เพียง 4 กิโลเมตร ประกอบด้วยกลุ่มเกาะเมืองร้อนจำนวน 99 เกาะ
“ลังกาวี” เป็นเกาะต้องคำสาป นานถึง 7 ชั่วโคตร
ขอขอบคุณข้อมูลประวัติ ลังกาวี จาก วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
หิวแล้วค๊า เดินทางมานานพอสมควร ร้านอาหารร้านแรกที่ทางไกด์ ได้เตรียมไว้ให้ นั่นคือ “NAGOYA PARADISE” เป็นร้านอาหารไทย เปิดบริการเวลา 7.30 am – 3.00 pm และ เวลา 5.00 – 11.00 pm
ภายในร้าน จะมีบริการทั้งโต๊ะจีน และโต๊ะธรรมดา เรามาเป็นหมู่คณะ เหมาะสำหรับโต๊ะจีนมากกว่าค่ะ
ดับแก้กระหาย กับน้ำแดง กันก่อนค่ะ (น้ำแดงเฮลูบอยบ้านเรานี่ล่ะค่ะ)
ร้านอาหารบนเกาะลังกาวี หาเนื้อหมู ได้ยาก เพราะบนเกาะลังกาวี ส่วนใหญ่เป็นคนชาวมาลายู นับถือศาสนาอิสลาม ถึงเป็นร้านอาหารไทย ก็ตามค่ะ
เมนู ปีกไก่ทอด
เมนู ไข่ตุ๋น
เมนู ผัดแขนงน้ำมันหอย
เมนู เต้าหู้ทรงเครื่อง
เมนู กุ้งผัดผงกระหรี่
เมนู ปลานึ่งมะนาว
เมนู ต้มจืด ลูกชิ้น สาหร่าย
เมนูอาหารทั้งหมด 5 อย่าง รายชื่อเมนู I am Devil ยัยตัวร้าย ตั้งให้จากที่เรากินค่ะ เพราะไม่ทราบชื่อเมนูอาหาร ทางไกด์จัดการสั่งอาหารให้ เลยทำให้ไม่ทราบชื่อเมนูที่ทางร้านตั้งค่ะ
รสชาดโดยรวม เหมือนกินอาหารจีนบ้านเราค่ะ แต่ที่ชอบ ปลานึ่งมะนาว รสจัดจ้าน ครบทุกรส เลยค่ะ
สำหรับร้าน Nagoya Paradise I am Devil ยัยตัวร้าย ให้ 4 ดาวค่ะ
เราจะเข้าที่พัก เก็บสัมภาระ กันก่อนค่ะ
โรงแรม อาเดีย (ADYA Hotel)
ทางไกด์บอกกับเราว่า เป็นโรงแรมที่ดีที่สุดบนเกาะลังกาวี ห้องพักสบาย สะอาดค่ะ
สามารถเข้าไปดูราคาห้องพักได้ที่ เว็บไซต์ของโรงแรม อาเดีย (ADYA Hotel)
เก็บสัมภาระเป็นที่เรียบร้อย สถานที่ต่อไปที่เราจะไป นั่นคือ กระเช้าลอยฟ้า Cable Car ระหว่างทางที่เราไป ทางไกด์ แนะนำให้เราชม ท่าจอดเรือยอร์ช (Telaga Harbour Park-Yacht Club)
เหมือนท่าจอดเรือยอร์ช มารีน่า ของบ้านเราค่ะ
ใช้เวลาเดินทางจากเมืองกัวห์ ประมาณ 30 นาที ก็มาถึง กระเช้าลอยฟ้า Cable Car
กระเช้าลอยฟ้า Cable Car ตั้งอยู่ภายใน Oriental Village หรือ หมู่บ้านโลกตะวันออก ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะลังกาวี
เราต้องเดินข้ามสะพานแขวน เข้าไปยังข้างใน Oriental Village
กว่าจะเดินถึงอีกปลายทางเล่นเอาเดินไม่ตรงทางกันเลยทีเดียว ทำไม นั้นหรอคะ ก็เพราะเพื่อนร่วมทริป เล่นขย่มสะพานให้แกว่งสิค๊า กว่าจะถึงปลายทาง บอกตามตรงค่ะ กลัวตกลงไปในสระมากเลยค๊า 555
เดินเข้ามาแล้วเราเลือกเลยค่ะ ว่าเราอยากไปไหน สำหรับที่นี่ มีโรงแรม ให้บริการด้วยค่ะ นั่นคือ Geopark Hotel เราไม่มีเวลามากนักในการเดินให้ทั่วรอบๆ Oriental Village เราเลยเลือกที่จะไปยัง Sky Cab หรือ ที่เราจะไปนั่งกระเช้าลอยฟ้ากันค่ะ
ภายใน Oriental Village จะมีร้านอาหาร ร้านขายของต่างๆ และกิจกรรมทางน้ำให้บริการ
กิจกรรมทางน้ำ ที่เราเห็น คือ เราเข้าไปข้างในทรงกระบอกสีเขียว แล้วบังคับโดยการเดิน ลูกทรงกระบอกสีเขียวก็จะไปตามน้ำในสระค่ะ
ถ้าเหมือนบ้านเรา ก็ที่เราเข้าไปอยู่ในลูกบอลใหญ่ แล้วเราก็เดินข้างในลูกบอล ลูกบอลก็ไปตามทิศทางที่เราอยากให้ไปค่ะ
ถึงทางขึ้นกระเช้าลอยฟ้า แล้วค่ะ ซึ่งมีชื่อเรียกว่า Sky Cab
Sky Cab เปิดให้บริการ ดังนี้
จันทร์ – พฤหัสบดี เวลา 10.00 am – 6.00 pm
เฉพาะวันพุธ เวลา 12.00 qm – 6.00 pm
ศุกร์ , เสาร์ และ อาทิตย์ เวลา 9.00 am – 7.00 pm
อัตราค่าบริการ ดังนี้
ถ้าสภาพอากาศแปรปรวน ทาง Sky Cab ก็งดให้บริการ โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าค่ะ ตอนที่มา เราก็ลุ้นว่าจะได้ขึ้นไหม กลัวสภาพอากาศ ไม่เอื้ออำนวย ถือว่ายังโชคดีค่ะ ที่ได้ขึ้น Sky Cab
I am Devil ยัยตัวร้าย พร้อม พิชิต ยอดเขา “กุนัง มัต ชินชัง” (Gunung Mat Cincang) แล้วค๊า
ข้อห้ามของ Sky Cab ห้ามนำเครื่องดื่ม และอาหาร ขึ้นไปทางด้านบนค่ะ จะมีร้านค้าจำหน่ายเครื่องดื่ม และอาหารทานเล่น ไว้บริการทางด้านบน ถ้าใครมีเครื่องดื่ม และอาหาร ทางเจ้าหน้าที่ จะให้เราฝาก ตรงจุดนี้ ก่อนผ่านประตูทางเข้า เพื่อขึ้น Sky Cab ค่ะ
ก่อนที่เราจะขึ้นกระเช้า เราต้องมายัง Sky Dome ซึ่งเราซื้อบัตรประเภท Sky Cab + Sky Dome เป็นห้องจำลองเครื่องเล่นรถไฟตีลังกา แบบสามมิติ เก้าอี้ที่เรานั่งจะไม่ขยับ จะอยู่กับที่ แต่หน้าจอจะเลื่อนให้เหมือนเรานั่งอยู่บนรถไฟตีลังกาเลยค่ะ ขอบอก I am Devil ยัยตัวร้าย เวียนหัวมากค๊า เลยต้องละสายตา ตั้งแต่ 5 นาทีแรก ยอมแพ้ค่ะ สำหรับ Sky Dome
กระเช้านึงนั่งได้ 6 คน ค่ะ
I am Devil ยัยตัวร้าย กับ น้องหนูดี พร้อมสู่ ยอดเขา กุนัง มัต ชินชัง ที่มีความสูงเป็นอันดับสองของเกาะลังกาวี ซึ่งมีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 712 เมตร
ระยะทางถึงยอดเขา กุนัง มัตชินชัง 2.2 กิโลเมตร ใช้เวลานั่งกระเช้าประมาณ 20 นาที
ความสูงชันประมาณ 42 องศา สามารถมองเห็นวิวเกาะลังกาวี แบบ 360 องศา ได้อย่างชัดเจนเลยค่ะ วันที่เราไปสภาพอากาศไม่ค่อยจะเป็นใจเท่าไหร่ แต่ยังดีที่ได้ขึ้นกระเช้าลอยฟ้า
ระหว่างทาง นั่งกระเช้า จะมองเห็นน้ำตก
เราสามารถหยุดชมวิว แบบ 360 องศา ได้ 2 จุด อีกไม่กี่อึดใจก็จะถึงจุดชมวิวจุดแรกแล้วค่ะ
ถ้าใครมาอยากแวะชมวิว จุดที่ 1 ก็ ไม่ต้องลงจากกระเช้าค่ะ สามารถนั่งต่อไปถึงจุดชมวิว ที่ 2 ซึ่งเป็นจุดบนยอดเขา กุนัง มัต ชินชัง นั่นเอง
วันที่เราไปนักท่องเที่ยวค่อนข้างจะเยอะ เราจับจองพื้นที่ในการชมวิวกันดีกว่าค่ะ
สายเคเบิ้ลคาร์ ที่นำกระเช้ามาถึงจุดชมวิวที่ 1 ชันมากเลยค่ะ ตอนที่อยู่ในกระเช้าไม่ได้รู้สึกว่ามันจะชันขนาดนี้เลย มัวแต่เพลิดเพลิน ชมวิวระหว่างทางขึ้นมา เชื่อแล้วค่ะว่า ความชัน 42 องศา
นี่แค่จุดชมวิวแรกนะคะ ยังมองเห็นท้องทะเลอันดามัน และมองมายังภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยป่าหนาทึบ ยังคงความเขียวขจี บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของป่าได้อย่างดีทีเดียว
มองจากด้านนอก สูงไม่ใช่เล่นเลยค่ะ
ขอสักภาพ ครั้งนึงในการเยือนลังกาวี กับการนั่งกระเช้าลอยฟ้า สู่ยอดเขา กุนัง มัต ชินชัง
ดื่มด่ำกับชมวิว ณ จุดแรก พอหอมปากหอมคอ เราจะไปยังจุดชมวิวที่ 2 กันค่ะ อย่างที่บอกไปว่านักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ ในการต่อแถว เพื่อไปยังจุดที่ 2 ค่อนข้างรอนานนึดนึง ถ้าใครไม่อยากต่อแถวรอนาน แนะนำไม่ต้องหยุดตรงจุดชมวิวที่ 1 ให้ขึ้นไปชมวิว จุดที่ 2 ดีกว่าค่ะ
จำได้มั้ยคะว่า ตอนที่เราจะผ่านประตูเพื่อที่จะขึ้น Sky Cab ทางเจ้าหน้าที่ไม่ให้เรานำเครื่องดื่ม และอาหารขึ้นมา ณ จุดชมวิวที่ 1 มีร้านค้าจำหน่ายเครื่องดื่ม และของทานเล่นค่ะ
จากจุดที่ 1 ไปยัง จุดที่ 2 ความชัน จะไม่ชันเท่ากับ จากจุดขึ้นกระเช้าด้านล่างมายังจุดที่ 1 ค่ะ
เรานั่งกระเช้าไปยังจุดที่ 2 จะผ่าน สะพานแขวน หรือที่เรียกว่า “Hanging Bridge” ซึ่งวันที่เราไปสะพานแขวน ปิดปรับปรุง สะพานแขวนสร้างขึ้นเพื่อข้ามหุบเขาหินปูน และได้รับการกล่าวขานว่า เป็น “สะพานที่น่ากลัวที่สุด” ติด 1 ใน 10 ของโลก เลยอดสัมผัสถึงความรู้สึกของสะพานแห่งนี้ ว่ามีความน่ากลัวอย่างไร ถึงได้ติดอันดับ สะพานน่ากลัวที่สุดของโลก
ใช้เวลาเดินทางจากจุดชมวิวที่ 1 มายัง จุดชมวิวที่ 2 ไม่ถึง 10 นาที ค่ะ
ก่อนเราจะขึ้นไปชมวิวจุดด้านบน ก็มาพบกับ ซากฟอสซิล จากหลักฐานที่พบบนเกาะหลังกาวี ซึ่งบริเวณ Oriental Village จะมีพิพิธภัณฑ์แสดงลักษณะธรณีวิทยา มีตัวอย่างแร่หิน ฟอสซิล ที่ขุดพบเจอบนเกาะลังกาวี และได้ผลักดัน จนได้รับเป็น “GEO PARK” แห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
จะมีร้านค้า ขายของที่ระลึกน่ารักๆ เช่น ตุ๊กตากระเช้า บริการ ด้วยค่ะ
มาชมวิวบนจุดยอดเขา กุนัง มัต ชินชัง แบบพาราโนมา 360 องศา กันค่ะ
ทึ่ง!!! เค้าสร้างสะพานแขวน Hanging Bridge ข้ามภูเขา ได้ยังไง กัน อยากลองไปสัมผัสมากๆ แต่อดค่ะ ปิดปรับปรุง แอบเสียดายเล็กๆ
มาดูอีกมุมนึงค่ะ ยกนิ้วให้เลยค่ะ กับ ความเพียรพยามที่จะสร้างสะพานแขวน สมแล้วล่ะค่ะ ที่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของสะพานที่น่ากลัวที่สุดของโลก ขอปรบมือ ให้เลยค๊า
หมอกเริ่มเคลื่อนตัวมาสู่บนยอดเขาแล้ว ลมพัดค่อนข้างจะแรงเลยค่ะ แอบกลัวว่าจะไม่ได้ลง เพราะถ้าอากาศแปรปรวน จะปิดบริการไม่ให้ขึ้นกระเช้า ภาวนา ให้เราได้ลงกลับไปก่อนน๊า
อยากให้เค้าเปิดบริการให้เราสามารถเดินไปยังสะพานแขวนได้จังเลยค่ะ อยากสัมผัสว่ามันน่ากลัว และอยากชมวิวตรงกลางระหว่างภูเขา ว่าจะมีความน่ากลัว เท่ากับ สะพานกระจก ที่ เขาเทียนเมินซาน จางเจียเจี้ย ประเทศจีน หรือเปล่า
หมอกมาซะขนาดนี้ เราจะได้ ถ่ายพระอาทิตย์ ตกดิน หรือเปล่าเนี้ย ท่าทางจะรอคอยเก็บแสงทไวไลท์ ก็คงยากแล้วล่ะค่ะ หมอกเยอะซะขนาดนี้
ได้ถ่ายพระอาทิตย์เริ่มตกดิน ได้แค่นี้ ก็พอใจแล้วค่ะ เพราะหมอกเริ่มหนา ลมพัดแรง ฟ้าฝนกำลังจะมา เลยตัดสินใจ นั่งกระเช้า ลงกลับไปดีกว่าค่ะ
นั่งกระเช้าลงกลับไป เริ่มจะค่ำ แสงเริ่มหมด
นั่งชมวิว 2 ข้างทาง ดื่มด่ำบรรยากาศ ให้เต็มอิ่ม เพราะไม่รู้ว่าเราจะได้กลับมาเยือน บนยอดเขา กุนัง มัต ชินชัง และได้นั่งกระเช้าลอยฟ้า อีกเมื่อไหร่ ตอนนี้เรามีโอกาสได้มา ต้องสัมผัสกับบรรยากาศ นี้ไว้ให้เต็มที่
พระอาทิตย์ เริ่มตกดิน แอบเสียดาย อยากไปเก็บภาพช่วงแสงทไวท์ไลท์ พระอาทิตย์ เริ่มลับขอบฟ้า ชมบนกระเช้าแล้วกัน มองไม่เห็นพระอาทิตย์ตกดินเลยค๊า เมฆบังซะงั้น
เราถึงด้านล่าง ก็ค่ำมืดแล้ว Oriental Village จะเปิดให้บริการเวลา 9.00 am – 10.00 pm เปิดบริการทุกวัน ฟรี!!!
วันที่เราไปเยือนลังกาวี ช่วง 17 – 18 กรกฎาคม 2558 ตรงกับเทศกาล ฮายีรายอ พอดีค่ะ ทำให้ ร้านอาหารที่ไกด์ พาลูกทัวร์มารับประทานเจ้าประจำ ปิด เลยต้องหาร้านอาหารใหม่ ทางคณะตัดสินใจว่าทางร้านนี้ก็ได้ค่ะ ขอบอกคนเยอะมาก
ร้านอาหาร “Restoran Kauboi” (เป็นภาษามาเลย์ ค่ะ) เป็นร้านอาหารไทย ซีฟู้ด เปิดให้บริการเวลา 4.00 pm – 0.30 am
เราได้มีโอกาสคุยกับเจ้าของร้าน เป็นหญิงไทย คนนครศรีธรรมราช มาเปิดร้านอาหารไทยมานานแล้วค่ะ ปีนี้ เข้าปีที่ 5 เจ้าของร้านเลยแนะนำเมนูอาหารให้เราว่าอะไรน่าทานบ้าง แต่พูดภาษาไทยไม่ค่อยแข็งแรง เนื่องจากเค้ามาอยู่ที่ลังกาวีนานค่ะ
อาหารทะเลสดๆ ปูดำ ชอบค่ะ ชอบทาน ปูไข่ ที่สุดเลย
เนื่องจากร้านอาหารปิดหลายร้าน ทำให้นักท่องเที่ยวมากินร้านนี้เยอะ การทำอาหาร และเสิร์ฟอาหาร ช้ามากค่ะ รอไม่ต่ำกว่า 30 นาที
สำหรับกฎของร้านอาหารที่บนเกาะลังกาวี ห้ามมีห้องน้ำภายในร้านอาหาร ใครอยากจะเข้า ต้องออกไปเข้าห้องน้ำสาธารณะ ภายในร้านมีแค่ห้องอาบน้ำเท่านั้น
เจ้าของร้านแนะนำ “น้ำมะนาวผสมบ๊วย” อร่อยดีค่ะ แต่กว่าน้ำจะมา ก็รอนานเช่นกัน จนเราต้องตาม มาช่วงที่ร้านอาหารปิดหลายร้าน ต้องทำใจ
รออาหารไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง ทางไกด์ ก็กลัวพวกเราจะหิว ก็ช่วยเร่ง ถามเจ้าของร้านว่าถึงคิวเรา หรือยัง และแล้ว ระหว่างรอคอยอาหาร อาหารก็เริ่มทยอยมาเสิร์ฟ
เมนูนี้ เจ้าของแนะนำ ว่าหาทานที่ไหนไม่ได้ นอกจากที่เค้าที่เดียว
ต้องออกตัวก่อนเลยว่า ชื่อเมนูที่ I am Devil ยัยตัวร้าย เรียก ไม่ชื่อชื่อเมนู ที่ทางร้านตั้งนะคะ เรียกตามที่เราเห็น และรับประทานค่ะ
เมนู กุ้งกรอบ
เมนู หอยตลับผัดพริกเผา
เมนู ปลานึ่งซีอิ้ว
เมนู แขนงผัดน้ำมันหอย
เมนู ต้มยำกุ้ง
เมนู กุ้งแช่น้ำปลา
สมกับที่รอนาน รสชาดอร่อยทุกเมนู ถึงรสชาดจะไม่จัดจ้าน เข้มข้น เหมือนบ้านเรา แต่อร่อย รสชาดอาหารจะออกแนวอาหารจีนดีๆ นี่เองค่ะ I am Devil ยัยตัวร้าย ให้คะแนน 4 ดาว
กลับมายังที่พัก เราได้เก็บรรยากาศที่พัก ตอนที่เรามาเก็บสัมภาระ ก่อนไปจะนั่งกระเช้าลอยฟ้า
ลิฟท์ ของโรงแรมจะเป็นลิฟท์แก้ว สามารถมองเห็น บรรยากาศภายนอกโรงแรม
จะมีประตู ให้เราเปิดไปยังห้องพัก หมายเลขต่างๆ เราพักที่ชั้น 10 ค่ะ
วิวจากห้องพัก สามารถมองเห็นรอบๆ เมืองกัวห์ เลยค่ะ
ห้องพัก จะเป็น Double Bed หรือ เตียงคู่ ขนาด 3.5 ฟุต
เตียงนุ่ม หลับสบาย
ภายในห้องพัก อุปกรณ์ เครื่องใช้ มีครบครัน ห้องพักกว้างขวางเลยทีเดียว
มีชุดโต๊ะรับแขก ภายในห้องพัก ห้องพักชั้นนี้ สามารถสูบบุหรี่ได้ I am Devil ยัยตัวร้าย ไม่ชอบเลยค่ะ เพราะควันบุหรี่ ติดพวกผ้าม่าน และกลิ่นจะติด แต่สำหรับห้องนี้ กลิ่นไม่เหม็นมาก เปิดแอร์ช่วยได้ค่ะ
โรงแรมนี้ มีสระว่ายน้ำ ให้บริการด้วยค่ะ เราไม่ได้ไปใช้บริการ เนื่องจากกลับมาก็ค่ำมืด และช่วงเช้าเราต้องออกเดินทางไปยังสถานที่อื่นค่ะ
ภายในห้องน้ำ จะแยกส่วนสุขา และ Shower ออกจากกันค่ะ
Shower จะมีให้แบบเดียวเลยค่ะ น้ำอุ่น ร้อนมากค่ะ ระวังปรับดีๆ นะคะ
ปลั๊กไฟ ของโรงแรมนี้ จะต้องใช้ เต้าเสียบแบบนี้นะคะ อย่าลืมเตรียม adapter ตัวแปลงไปด้วยค่ะ
ค่ำคืนนี้ พักผ่อน ราตรี สวัสดิ์ ค่ะ พรุ่งนี้ เราจะไปเที่ยวชมที่ไหน ต้องลองติดตามกันดูค่ะ
อรุณสวัสดิ์ ยามเช้าวันใหม่ เรากินอาหารเช้าที่โรงแรม เราเลือกทาน โรตีแกง
สถานที่ต่อไป เรามุ่งหน้าสู่ “อุทยานแห่งชาติคิลิม” (Kilim Nature Park)
อุทยานแห่งชาติคิลิม มีพื้นที่กว่า 100 ตารางกิโลเมตร มีป่าโกงกางที่อุดมสมบูรณ์ กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวมาที่นี่ คือ ชมการโฉบเหยื่อของนกอินทรีย์ และสัมผัสกับปลาเสือที่แพกลางน้ำ
เราลงเรือ ล่องเรือไปตามป่าชายเลน
นั่งเรือประมาณ 10 นาที เราก็มาถึงยังแพกลางน้ำ
จะมีปลาเสือ อยู่ในกระชัง ของแพกลางน้ำ ทางเจ้าหน้าที่จะสาธิตความสามารถของปลาเสือ โดยใช้ขนมปังเป็นอาหารล่อ
เจ้าหน้าที่ให้เราเอาเศษขนมปัง มาติดตรงเสา ปลาเสือเค้าจะพ่นน้ำตรงเศษขนมปัง เจ้าหน้าที่ยังได้บอกอีกว่า ปลาเสือเห็นอะไรที่เป็นสีขาว เค้าจะพ่นน้ำใส่ด้วยความเร็วที่แทบจะมองไม่ทันเลยค่ะ
เจ้าหน้าที่ลองให้เราเอาเศษขนมปังพันนิ้วไว้ แล้วเอานิ้วที่พันเศษขนมปังลงไปในกระชัง
ปลาเสือ กระโดดขึ้นมากินขนมปังที่เราพันนิ้วไว้
ของลองใหม่อีกรอบค่ะ คราวนี้ ปลาเสือตัวใหญ่ กระโดดมางับมือเลย
แอบสงสัยแต่ไม่ได้ถาม ปลาเสือที่อยู่ในกระชัง เค้าจะหาอาหารตามธรรมชาติเองเป็นหรือเปล่า เพราะนำปลาเสือมาไว้ในกระชัง เวลานักท่องเที่ยวมา ก็จะให้ปลาเสือแสดงโชว์ อย่างนี้จะทำลายระบบนิเวศน์หรือเปล่า
กระชังต่อไปที่เจ้าหน้าที่พาเรามาชม นั่นคือ ปลากระเบน
เจ้าหน้าที่ บอกว่าปลากระเบนมีพิษ เราเลยไม่กล้าจะสัมผัสเลยค่ะ แต่ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าสัมผัสได้ เลยเรียกปลากระเบน มาให้เราสัมผัส มีชื่อเรียกด้วยนะคะ ดาว และ เดือน ปลากระเบนตัวนี้ ชื่อ เดือน ค่ะ
กระชัง ของแพกลางน้ำ ยังมีสัตว์ทะเลอีกหลายพันธุ์เลยค่ะ เจ้าหน้าที่ เอาเจ้าตัว แมงดาทะเล มาให้เราชมกัน
แมงดาทะเล ยังมีชีวิตอยู่นะคะ เจ้าหน้าที่เอานิ้ว ไปถูกตัว เค้าเลยกระดิกตัว
มาดูด้านหน้าเจ้าแมงดาทะเลกันบ้างค่ะ ตัวนี้ใช่มั้ยเอ๋ยที่ชอบเอามาทำเมนู ยำไข่แมงดา
จากแพกลางน้ำ ล่องเรือมาประมาณ 5 นาที เรามาดูการโฉบเหยื่อของนกอินทรีย์
ตรงบริเวณนี้จะมีนกอินทรีย์ มาอาศัยเป็นจำนวนมาก เวลาทางเจ้าหน้าที่ให้อาหาร จะรวมกลุ่มนักท่องเที่ยวหลายลำ ก็จะให้อาหารทีเดียว จะให้เป็นรอบๆ ค่ะ
นกอินทรีย์ ที่เราเห็นจะเป็นนกอินทรีย์น้ำตาลแดง ปากขาว
นกอินทรีย์ บินร่อนลงมาโฉบเหยื่อ
เหยื่อที่คนเรือนำมา คือ หนังไก่
เมื่อเหยื่อหมด นกอินทรีย์ ต่างก็แยกย้าย กลับเข้าไปอยู่ในป่าโกงกาง รังของมัน
การแสดงโชว์โฉบเหยื่อของนกอินทรีย์ จบลง เราก็ล่องเรือ ไปตามป่าโกงกาง
เราล่องเรือ ออกไปยังน่านน้ำปากอ่าวสู่ทะเล สังเกตุภูเขาด้านซ้ายมือ เห็นมั้ยคะว่าเป็นรูปอะไร
มาดูกันใกล้ๆ ค่ะ รูปหน้าเด็กกำลังกินน้ำ ซึ่งในการมองภูเขาให้เป็นรูปต่างๆ ตามที่ไกด์บอก เราต้องใช้จินตนาการตามไปด้วยนะคะ
เรามาตรงจุดสุดท้ายของการล่องเรือ Kilim Geo Forest Park
ไกด์บอกว่า สังเกตุดีๆ ข้างบนเป็นรูปเต่า
เรามามองกันชัดๆ ว่าเป็นเต่าใช่หรือเปล่า
ระหว่างช่องเขา ตรงหน้า จะเป็นรูปผู้หญิงนอนหงาย ทางด้านขวามือจะเป็นรูปหน้า และซ้ายมือเป็นรูปหน้าอก
เกาะนี้ เหมือนรองเท้า
เราใช้เวลาล่องเรือ ไปแพกลางน้ำ ชมการโฉบเหยื่อของนกอินทรีย์ และล่องเรือชมวิว ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ค่ะ
สถานที่สุดท้ายที่เราจะไปก่อนอำลาเกาะลังกาวี และเป็นเรื่องเล่ามนต์คำสาปเกาะลังกาวีถึง 7 ชั่วโคตร นั่นคือ “สุสานพระนางมัสสุหรี” (Mahsuri Tomb)
Salamat Datang (อ่านว่า เซอลามัต ดาตัง ) แปลว่า ยินดีต้อนรับ
เปิดบริการเวลา 8.00 am – 6.00 pm
แผนผังลำดับ ทายาทของพระนางมัสสุหรี จนถึงทายาทรุ่นที่ 7 คือ นางสาวศิรินทรา ยายี
เราเข้ามาชมข้างในพิพิธภัณฑ์กันค่ะ รถม้า สมัยโบราณ
ปืนใหญ่ ของโบราณเหล่านี้ เจอตั้งแต่สมัย พระนางมัสสุหรี
เครื่องดนตรี ของชาวมาเลย์
หุ่นจำลอง สมัย พระนางมัสสุหรี
จำลองเหตุการณ์ ที่ พระนางมัสสุหรี ถูกโทษประหาร ณ ต้นมะขาม
หุ่นจำลอง พระนางมัสสุหรี
ดร.มหาธีร์ โมฮัมหมัด (Dr. Mahatir Mohamad)
อดีตนายกรัฐมนตรี และรัฐบุรุษ ของประเทศมาเลเซีย ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมายานานถึง 22 ปี (2524 – 2546)
ภายในพิพิธภัณฑ์ มีหญิงสาวเล่นเครื่องเล่นดนตรี ให้รับชม ซึ่งเป็นเครื่องดนตรี ในสมัยยุค พระนางมัสสุหรี
“สุสานพระนางมัสสุหรี”
ตำนานเรื่องราว “พระนางมัสสุหรี”
พระนางมัสสุหรีย์ เป็นหญิงสาวชาวภูเก็ต เป็นหญิงสาวที่อนุชาองค์สุลต่านแห่งลังกาวี ทรงเลือกเป็นคู่ครอง มีบุตรชายชื่อ “วันฮาเกม” ตามกฎของสำนัก พระชายาที่มีบุตรเป็นชายจะได้รับตำแหน่ง ปะไหมสุหรี ทำให้พระญาติองค์เดิมของปะไหมสุหรีองค์เดิมเกิดเก็บความอิจฉาไว้
หลังจากนั้น พระสวามีของพระนางมัสสุหรี ต้องทรงเดินทางออกรบกับกองทัพไทยที่บุกมาโจมตี พระญาติองค์เดิมของปะไหมสุหรี สร้างสถานการณ์ว่า พระนางมัสสุหรีแอบคบชู้ ทำให้องค์สุลต่านสั่งประหารชีวิตพระนางมัสสุหรี โดยที่พระสวามีของพระนางไม่สามารถทรงกลับมาช่วยได้ทัน
เมื่อเพชรฆาตลงคมกริชประหารพระนางมัสสุหรี ก็ไม่สามารถประหารพระนางได้ มีกริชเดียวที่จะฆ่าพระนางมัสสุหรีได้ นั่นก็คือ กริช ต้นตระกูลของพระนาง
ก่อนพระนางมัสสุหรีจะสิ้นพระชนม์ พระนางได้เอ๋ยวาจา “หากนางไม่มีความผิด ขอให้โลหิตที่หลั่งออกมาเป็นสีขาว เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ และขอให้ลังกาวีไร้ความเจริญไป 7 ชั่วคน”
เพชรฆาตได้ลงคมกริชจรดไปตรงคอพระนางมัสสุหรี โลหิตได้ออกมาเป็นสีขาว จนทำให้เกาะลังกาวีต้องมนต์คำสาปถึง 7 ชั่วโคตร
รัฐบาลมาเลเซีย ได้ต่างออกตามหาผู้สืบทอดเชื้อสายของพระนางมัสสุหรี จนมาพบทายาทรุ่นที่ 7 ได้อาศัยอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต ประเทศไทย ซึ่งก็คือ “นางสาวศิรินทรา ยายี” พบหลักฐานที่แสดงว่าเป็นทายาทรุ่นที่ 7 นั่นคือ กริชประจำตระกูล รูปภาพ และบรรพบุรุษชื่อ วันฮาเกม ทางรัฐบาลจึงเชิญทายาทรุ่นที่ 7 กลับสู่เกาะลังกาวีเพื่อถอนคำสาป เมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว ทำให้เกาะต้องมนต์แห่งนี้ เจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว
อนุสาวรีย์กริช
บ้านที่พระนางมัสสุหรี เคยอาศัย
ใต้ถุนบ้าน มีเครื่องตอกข้าว
เราขึ้นไปชมภายในตัวบ้านกันค่ะ
เปลเด็ก ห้ามจับนะคะ
ภายในครัว
บริเวณนอกชานเรือน
บ้านทรงไทย ยกพื้นสูง
บ่อน้ำศักสิทธิ์
ไกด์บอกว่า ใครได้กินได้อาบ จะได้ดั่งหวัง และสุภาพสตรีท่านใด ที่ได้ดื่ม ได้อาบ จะมีใบหน้าที่สวย สดใสตลอดไป
ตามความเชื่อ นักท่องเที่ยวก็ลองทำตามค่ะ
แล้ว I am Devil ยัยตัวร้าย จะพลาดได้อย่างไร ใช่มั้ยเอ๋ย ไหนๆ ก็มาแล้วต้องลองดูบ้างแล้วล่ะค๊า
I am Devil ยัยตัวร้าย ไม่ได้อาบนะคะ แค่เอามาล้างหน้าก็พอค่ะ
เราเดินจะเดินออกไปยังประตูทางออก ก็มีแม่ค้ากำลังทอดขนมขาย
ใช้แป้งข้าวโพด ใส่ในกะลา เจาะเป็นรูๆ แล้วร่อนลงในกะทะด้วยน้ำมันร้อนๆ
หน้าตาคล้าย ขนมลา บ้านเราเลยค่ะ
กินขนมเข้าไปแล้วจะกรอบๆ หวาน อร่อยดีค่ะ เลยซื้อติดไม้ติดมือกลับมาด้วยราคา RM 2 (คิดเป็นเงินไทย RM 1 = 10 บาท)
ได้เวลารับประทานอาหารมื้อเที่ยงค่ะ อยู่ใกล้กับร้านแรกที่เรามาถึงลังกาวี
ร้านอาหาร “NAGO YA SEAFOOD”
เมนู ผัดปู
ถ้าใครเคยไปสิงคโปร์ สิ่งที่เราห้ามพลาดต้องไปกิน นั่นคือ ปู น้ำราด คล้ายๆ กันค่ะ น้ำราดจะออก หวานๆ เปรี้ยวๆ ไม่เผ็ดมาก
เมนู แกงส้มปลา
เมนู ไก่ผัดเผ็ด
เมนู ผัดผักรวม
เมนู ปลาหมึก ทอดไข่เค็ม
เมนู ต้มจืด ผักกาดขาว ลูกชิ้น
เมนู ไข่เจียวทะเล
รายชื่ออาหาร อย่างที่เคยได้บอกไว้ว่า ตั้งชื่อเรียกตามที่เราเห็น และได้กินค่ะ ส่วนเรื่องรสชาด ก็คล้ายๆ กับที่เราไปมา ทั้ง 2 ร้าน อาหารจะออกแนวจีนๆ รสชาดไม่จัดจ้านมาก ร้านนี้ I am Devil ยัยตัวร้าย ให้คะแนน 4 ดาว ค่ะ
ทางไกด์ ปล่อยให้เรามา Shopping ที่ห้าง Mega Cineplex ใครที่ชอบแบรนด์ Vinci (VNC) ที่ห้างนี้ มีจำหน่าย ราคาถูกกว่าบ้านเรา ครึ่งต่อครึ้ง อย่างรองเท้า บ้านเราขาย 1,5xx บาท ที่นี่ขาย 7xx บาท แอบกระซิบค่ะ ในห้างที่ลังกาวี ไม่ลดราคาเลยค่ะ I am Devil ยัยตัวร้าย เคยไป กรุงกัวลาลัมเปอร์ ลดราคา 30% – 50% คนไทยมา Shopping กันเยอะมาก อาจจะป็นช่วงที่ VNC ลดราคาพอดีเลยก็ได้ค่ะ สรุปเดินเล่นอย่างเดียว ไม่ได้อะไรมาเลยค๊า
มาถึงตลาดกั๊วะ เป็นตลาดที่ปลอดภาษี มีขายของหลายประเภท ราคาถูกมาก โดยเฉพาะแอกอฮอล์ และบุหรี่ ทางไกด์ พาเรามาร้านนี้ค่ะ “WIRA LANGKAWI” ร้านนี้ รับแลกเงิน และสามารถจ่ายเงิน เป็นเงินไทยได้ด้วยค่ะ พนักงานบางคนสามารถพูดภาษาไทยได้ ที่นี่จะดีอย่างนึง คือ บริการรับแพ็คใส่ลังให้ด้วยค่ะ
ชั้น 1 จะจำหน่าย อาทิ พวกขนม ช็อคโกแลต เครื่องครัว บุหรี่ และ แอลกอฮอล์ พวก แอลกอฮอล์ ถูกกว่าบ้านเราเกือบครึ่งต่อครึ่ง เราสามารถซื้อได้คนละขวด เท่านั้นค่ะ
ชั้น 2 จะเป็น กระเป๋า น้ำหอม และนาฬิกา แบรนด์ต่างๆ ค่ะ
ก่อนที่จะมาลังกาวี ได้มีโอกาสได้นั่งคุยกับคุณอา ซึ่งท่านมาเที่ยวลังกาวี 2 ครั้งแล้ว ได้แนะนำของฝากจากลังกาวีที่ต้องซื้อกลับมา นั่นคือ น้ำมันปลิง และ น้ำมันสะกิดรูตุด พอมาถึงตลาดกั๊วะ ทางไกด์ก็ได้แนะนำอีกเหมือนกันค่ะ
น้ำมันปลิง
สรรพคุณ ช่วยรักษาสมานแผล ไม่ว่าจะเป็นมีดบาด แผลถลอก เวลาทาน้ำมันปลิงให้กดแช่ไว้สักประมาณ 10 นาที จะช่วยทำให้บาดแผลสมานเร็วขึ้น
ราคา RM 90 (คิดเป็นเงินไทย RM 1 = 10 บาท) ต่อ 12 ขวด
น้ำมันสะกิดรูตุด
สรรพคุณ แก้ปวด เมื่อยตามข้อต่างๆ เหมาะสำหรับคนเป็นเก๊า ทาทุกเช้าจะช่วยบรรเทาอาการปวดตามข้อได้ดีค่ะ
ราคาขวดละ RM 19 (คิดเป็นเงินไทย RM 1 = 10 บาท) ถ้าซื้อ 4 ขวด ลดเหลือราคา RM 55 ต่อ 4 ขวด
เรามาเดินเล่นภายในตลาดกั๊วะ ส่วนมากร้านค้าจะขายเหมือนร้านที่ไกด์ แนะนำเราไป Shopping ค่ะ
อย่างที่เราบอกไปแล้วว่า ช่วงที่เราไปตรงกับวันฮารีรายอ ทำให้ร้านค้าหลายร้านปิดค่ะ
ร้านนี้ก็ปลอดภาษี ของก็ถูกเหมือนกันค่ะ
จากร้านสีแดง Eastern Native เราเดินมายังฝั่งตรงกันข้าม เดินมาสะดุดตากับซอยนี้ค่ะ แต่ละหลังทาสีสันแตกต่างกันไป ทำให้เป็นซอยสีลูกกวาดเลยค่ะ
ได้เวลาที่เราต้องอำลาเกาะลังกาวีแล้ว เรามาขึ้นเรือที่เจ็ทตี้ พอยท์ ท่าเทียบเรือที่เรามาเยือนลังกาวี
ยังพอมีเวลา เราเดินมายัง จตุรัสนกอินทรีย์
“จัตุรัสนกอินทรีย์” (Eagle Square) เป็นสัญลักษณ์ ของลังกาวี
ดาตาราน ลัง หรือ จตุรัสนกอินทรีย์ (Eagle Square)
ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลก่อนถึงท่าเรือเจ็ทตี้ พอยท์ เมืองกัวห์ รูปปั้นนกอินทรีย์สูง 18 เมตร
นกชนิดนี้ เป็นนกอินทรีย์สีน้ำตาลแดง หรือที่บ้านเราเรียกว่า เหยี่ยวแดง พบอาศัยจำนวนมากที่เกาะสิงา เบซาร์ และบริเวณอุทยานคิลิม
จากท่าเรือเจ็ทตี้ พอยท์ เดินข้ามสะพาแดง เพื่อไปยังจัตุรัสนกอินทรีย์
ได้เวลาเราต้องกลับไปยังท่าเทียบเรือ เจ็ทตี้ พอยด์ เพื่อทำการผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ออกจากประเทศมาเลเซีย เพื่อกลับสู่ประเทศไทย
นกอินทรีย์ สัญลักษณ์แห่งเมืองเกาะลังกาวี ที่ใครมาเยือนต้องถ่ายภาพเก็บเป็นที่ระลึก ซึ่งรูปปั้นนกอินทรีย์ หันหน้าออกสู่ท้องทะเลในท่ากำลังโผบินออกสู่ทะเล
ได้เวลาเรือเฟอร์รี่ ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ประเทศไทย เรากลับไปทางท่าเทียบเรือ ตำมะลัง จ.สตูล ค่ะ
เวลาเที่ยวเรือเฟอร์รี่ จากเกาะลังกาวี ไป ท่าเรือตำมะลัง เวลา 9.30 am, 1.00 pm และ 5.00 pm มีบริการเที่ยวเรือแค่ 3 ช่วงเวลา (เวลาตามประเทศมาเลเซีย)
ค่าบัตรโดยสาร RM 27 (คิดเป็นเงินไทย RM 1 – 10 บาท)
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที ก็มาถึงท่าเทียบเรือ ตำมะลัง เราต้องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง เพื่อกลับเข้ามายังประเทศไทยค่ะ
สำหรับเวลาเที่ยวเรือเฟอร์รี่ จากท่าเทียบเรือตำมะลัง ไป ลังกาวี มีเที่ยวเรือแค่ 3 เวลา คือ 09.30 น., 13.30 น. และ 16.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
อัตราค่าเรือ คนละ 300 บาท ซื้อแบบไปกลับ คนละ 600 บาท
ยินดีต้อนรับสู่ ท่าเทียบเรือ ตำมะลัง จ.สตูล คืนนี้เราพักในอำเภอเมืองสตูล
ขอขอบคุณ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กองตลาดภาคใต้ ภูมิภาคใต้ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานตรัง ที่ได้เชิญ I am Devil ยัยตัวร้าย มาทริปในครั้งนี้ และ ขอขอบคุณคณะเพื่อนร่วมทริปทุกๆ ท่านค่ะ
ที่ขาดไม่ได้ ขอขอบคุณไกด์ คุณโด่ง ที่ดูแลพวกเราตลอดทั้งทริป กับทริปลังกาวี 2 วัน 1 คืน และขอขอบคุณข้อมูลที่เกี่ยวกับเกาะลังกาวี ด้วยค่ะ
ครั้งแรกที่มาเยือนลังกาวี ประทับใจมากค่ะ โดยเฉพาะขึ้นกระเช้าลอยฟ้า ชมวิวเกาะลังกาวีแบบ 360 องศา บนยอดเขา กุนัง มัต ชินชัง และได้ฟังเรื่องราวของพระนางมัสสุรีย์ ผู้สาปแช่งเกาะลังกาวีถึง 7 ชั่วโคตร
บนเกาะลังกาวียังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่ง ที่ I am Devil ยัยตัวร้าย ยังไปไม่ครบทุกสถานที่ ถ้ามีโอกาสจะกลับมาเยือนอีกครั้งอย่างแน่นอนค่ะ
ทริปนี้ ยังไม่หมดนะคะ I am Devil ยัยตัวร้าย จะพาไปเที่ยวจังหวัดสตูล “หลงรักธรรมชาติ หลงรักสตูล“ (<<< คลิกชมรีวิว) กันต่อ ในทริปต่อไปค่ะ
อุปกรณ์ที่ใช้ในการบันทึกภาพ
Nikon D7100, D800e
เลนส์ AF-S 14-24 mm f/2.8, AF-S 24-70 mm f/2.8, AF-S 70-200 mm f/2.8, 10.5 mm f/2.8
One Response