การเดินทางครั้งนี้ ยัยตัวร้าย จะพาไปไหว้พระที่ “วัดแหลมพ้อ” ซึ่งตั้งอยู่ที่เกาะยอ เราต้องขับรถข้ามสะพานติณสูลานนท์ (สะพานติณฯ จะมีด้วยกัน 2 ช่วง) เมื่อถึงเชิงสะพานช่วงแรก จะมองเห็นพระนอนองค์ใหญ่เตรียมชิดซ้ายเลี้ยวตามป้ายเข้าวัดแหลมพ้อมาเลยจ้า
ป้ายหน้าปากทาง วัดพระนอนแหลมพ้อ หรือ วัดแหลมพ้อ
ที่ตั้ง : หมู่ 4 ตำบลเกาะยอ อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา
เมื่อเราเข้ามายังภายในวัดแหลมพ้อ เราจะพบกับ พระสมเด็จเจ้าเกาะยอ พระพุทธรูปปางมารวิชัย
ตำนานพระสมเด็จเจ้าเกาะยอ
สมเด็จเจ้าเกาะยอ หรือ พระราชมุนีเขากุด เป็นชาวบ้านพรุ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ถือกำเนิดสมัยกรุงศรีอยุธยาเดิมชื่อว่า “ขาว” เมื่อศึกษาพระธรรมวินัยจนแตกฉาน ได้ร่ำลาสมภารอ่ำไปออกธุดงค์ ครั้นได้มาปักกลดจำพรรษาที่เกาะยอบนเขาลูกหนึ่ง ในค่ำคืนหนึ่งที่ท่านได้นั่งสมาธิอยู่นั้น เกิดนิมิตเห็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จลอยลงมายังยอดเขา ตรัสทำนายว่า “ต่อไปบนยอดเขาแห่งนี้จะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ตถาคตเจ้า ขอให้ท่านจำพรรษาอยู่ที่นี้ และให้สร้างรูปเหมือนจำลองตถาคตประดิษฐานไว้บนยอดเขาลูกนี้ และให้ทำพิธีสักการะบูชาในวันวิสาขบูชา วันเพ็ญเดือน 6 ของทุกปี ให้ตั้งชื่อเขาลูกนี้ว่า “เขากุด””
หลังจากนั้นสมเด็จเจ้าเกาะยอได้สร้างพระพุทธรูปจำลองแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้บนยอดเขา ท่านได้จำพรรษาอยู่บนยอดเขาเป็นเวลานาน ได้ช่วยเหลือชาติบ้านเมือง และประชาชนบริเวณเกาะยอให้ความเคารพบูชามาก สมเด็จพระเอกาทศรถแห่งกรุงศรีอยุธยาทรงเห็นว่า สมเด็จเจ้าเกาะยอเป็นผู้มีบุญญาธิการสูง จึงได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานสมณศักดิ์ที่พระราชมุนีเขากุด ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า “สมเด็จเจ้าเกาะยอ” หรือ “สมเด็จเจ้าเขากุด” เมื่อมรณภาพแล้วชาวบ้านได้ช่วยกันสร้างสถูปเจดีย์ก่อด้วยอิฐถือปูนเก็บอัฐิธาตุของท่านไว้บนยอดเขากุด ในบริเวณที่ประดิษฐานพระพุทธรูปจำลอง ปรากฏหลักฐานอยู่จนถึงทุกวันนี้
ขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์ >>>>> www.thaisouthtoday.com
ภายในวัดแหลมพ้อยังมีศาลาซึ่งมีองค์เทพต่างๆ ประดิษฐานอยู่ด้วย
โบราณสถานที่สำคัญภายในวัด ได้แก่
อุโบสถ
มีรูปแบบศิลปกรรมตามพระราชนิยมในสมัยรัชกาลที่ 3 เป็นอุโบสถมีระเบียงโดยรอบ หลังคาชั้นเดียวต่อด้วยปีกนก หลังคามุงด้วยกระเบื้องดินเผา ประดับด้วยช่อฟ้า ใบระกา และหางหงส์ หน้าบันหลังคาทางด้านหน้าประดับปูนปั้นพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ หน้าบันด้านหลังประดับปูนปั้นรูปพระนารายณ์ทรงครุฑ ส่วนหน้าบัณช่องหน้าต่าง และประตูมีรูปปั้นรูปเทพพนมอยู่ท่ามกลางลายพรรณพฤกษา
หอระฆัง
ก่ออิฐถือปูน ตัวหอเป็นทรงสี่เหลี่ยมยอดปิรามิดซ้อนลดหลั่นกันขึ้นไป มีบันไดทางขึ้นด้านข้าง 2 ทาง ขอบบนเจาะเป็นช่องลูกกรง ประดับตกแต่งด้วยกระเบื้องกรุสีเขียวอยู่โดยรอบ ส่วนยอดหอระฆังประดับตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้น ลายพรรณพฤกษา
เจดีย์
ตั้งอยู่ทิศเหนือของอุโบสถ เป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูน ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยม ขนาด 9 x 9 เมตร ฐานซุ้มต่อกับบันไดทางขึ้นเป็นลักษณะเตี้ยๆ ยกพื้นคล้ายระเบียง สามารถเดินได้รอบองค์เจดีย์ มุมขอบประดับด้วยเจดีย์องค์เล็กๆ 4 องค์ องค์ระฆังของเจดีย์ประธานตั้งอยู่บนฐานปัทม์ต่อกันเป็นชั้นๆ ด้านล่างฐานเจดีย์มีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้น
ศาลาประดิษฐานรูปหล่อเหมือนพระเกจิอาจารย์ 5 องค์ ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ชาวสงขลานับถือเป็นอย่างมาก
พระเกจิอาจารย์ ทั้ง 5 องค์ ประกอบไปด้วย (จากซ้ายไปขวา)
- สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)
- สมเด็จเจ้าจอมทอง
- สมเด็จเจ้าเกาะยอ
- สมเด็จเจ้าพระราชมุนีรามคุณูปรมาจารย์ (หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด)
- สมเด็จเจ้าเกาะใหญ่
ภายในศาลายังมีชุดถวายสังฆทานให้บริการ และมีตู้รับบริจาคด้วย
ส่วนมากจะพบนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งจะเป็นชาวมาเลเซียซะส่วนใหญ่ ที่เข้ามายังวัดแหลมพ้อ ไหว้พระ ทำบุญถวายสังฆทาน
ถัดจากศาลา จะพบกับพระนอนองค์ใหญ่
ประวัติความเป็นมา วัดแหลมพ้อ
วัดแหลมพ้อ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยมีพระครูทิพวาสี (พรหมแก้ว) จากวัดท้ายยอมาดำเนินการก่อสร้าง เนื่องจากในพื้นที่ดังกล่าว เป็นแหลมยื่นออกไป และมีต้นพ้ออยู่จำนวนมาก จึงเรียชื่อวัดกันต่อมา “วัดแหลมพ้อ”
วัดแหลมพ้อ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2431 กรมศิลปากร ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถาน เมื่อวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2540
องค์พระนอนวัดแหลมพ้อ เป็นพระพุทธรูปปางปรินิพานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2537 ประดิษฐานบนฐานไม่สูงมากนัก
พระพุทธรูป ปางปรินิพพาน เป็นชื่อเรียกของพระพุทธรูปลักษณะบรรทม (นอน) ตะแคงเบื้องขวา หลับพระเนตร พระเศียรหนุนพระเขนย (หมอน) พระหัตถ์ซ้ายทอดทาบไปตามพระวรกาย พระหัตถ์ขวาวางหงายอยู่ข้างพระเขนย พระบาทซ้ายทับซ้อนพระบาทขวา
วัดแหลมพ้อ ติดทะเลสาบสงขลา ตั้งอยู่เชิงสะพานติณสูลานนท์
ท่าน้ำวัดแหลมพ้อ มีชุดไม้หินให้ได้นั่งพักผ่อน หย่อนใจ ชมวิวทะเลสาบสงขลา เด็กๆ ต้องชอบแน่ๆ เพราะเป็นลายสัตว์ สีสันสดใส ยัยตัวร้าย ยังชอบเลยค่ะ
ยังคงมีเรือประมงมาจอบเทียบท่าตรงท่าน้ำวัด
เขตอภัยทาน ห้ามตกปลา อย่าแอบมาตกปลาเชียวนะ ไม่งั้น กรรมติดจรวดแน่ๆ อย่าหาว่าไม่เตือนล่ะ
ถ้าเป็นช่วงยามเย็น มานั่งเล่นตรงนี้ อากาศคงเย็นสบายน่าดูเลย ลมพัดผ่านกาย เย็นอุรา
เกาะยอ ล้อมรอบด้วยทะเลสาบสงขลา ชาวบ้านจะมีอาชีพเป็นชาวประมงซะส่วนใหญ่ ที่เห็นไม้ปักอยู่กลางทะเล จะเป็น “ยอ” ซึ่งเป็นเครื่องมือหาปลาชนิดหนึ่ง
ไม่เพียงแต่มีอาชีพทำประมง ชาวบ้านยังสร้างโฮมสเตย์ ท่ามกลางทะเล อีกด้วย
วัดแหลมพ้อ หรือ ที่เรียกกันว่า วัดพระนอนแหลมพ้อ ตั้งอยู่ที่เกาะยอ อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา เป็นพระนอน ปางปรินิพพานที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นวัดที่เก่าแก่อีกวัดหนึ่ง และเป็นวัดที่มีชื่อเสียงอีกเช่นกัน ชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวมาเลเซีย นิยมมากราบไหว้ ณ วัดแห่งนี้
อุปกรณ์ที่ใช้บันทึกภาพ
Body : Fujifilm X-T10
Lens : Fujinon Lens XF 10 – 24 mm F4 R OIS
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมรีวิวค่ะ สามารถพูดคุยกันได้ที่
Face Book : ยัยตัวร้าย สะพายกล้อง / Bloggertrip
IG : @bloggertripth
Twitter : @iamdevilth
Leave a Reply