เรือประมงที่จอดลอยลำอยู่กลางน่านน้ำ เป็นเรือประมงของชาวประมงเก้าเส้ง ซึ่งอยู่ในอำเภอเมืองสงขลา และที่เราเห็นหลังคาโบสถ์สีแดง บนเขาเก้าเส้ง นั่นคือ “วัดเขาเก้าแสน” มองมาทางซ้ายมือจะหินก้อนใหญ่ที่อยู่ตรงโขดหินปลายแหม นั่นคือ “ศาลปู่ทวดนายแรง” ยัยตัวร้าย จะพาไปกราบไหว้สักการะขอพรกันจ้า
วัดเขาเก้าแสน
ที่ตั้ง : เขาเก้าเส้ง หมู่ 3 ตำบลเขารูปช้าง อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา
การเดินทาง : จากหาดสมิหลา ก่อนถึงตลาดเก้าเส้ง จะมีทางเข้าไปยังสถาบันวิจัยการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง เราใช้เส้นทางเดียวกัน จะมีป้ายบอกทางไปยังวัดเขาเก้าแสน
วัดเขาเก้าแสน ที่มาของชื่อวัด มาจากตำนานเรื่องเล่า “นายแรง”
วิหารพระพุทธมารดา ตั้งอยู่ภายในวัดเขาเก้าแสน
พระพุทธรูปปางประสูติ ประดิษฐานอยู่ภายในวิหารพระพุทธมารดา ไม่อนุญาตจุด ธูป เทียน ภายในวิหาร
พระพุทธเมตตา ประดิษฐานอยู่กลางลานวัด และลานทักษิณรอบองค์พระที่ฐาน มีรูปปั้นหล่อเหมือนของ หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด และพระสังกัจจายน์ ประดิษฐานอยู่ด้วย
มีการบูรณะโบสถ์ ซึ่งยังไม่เสร็จ ยัยตัวร้าย เลยไม่ได้เข้าไปชมภายใน
บันไดเดินขึ้นไปยังโบสถ์มีพระยานาคขนาบทั้งสองฝั่ง
พระเจดีย์ยอดเขาเก้าเส้ง พระยาวิเชียรคีรี (บุญสังข์ ณ สงขลา) สร้างขึ้นประมาณปี พ.ศ. 2372 และพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2402 พระเจดีย์นี้เป็นศิลปะรัตนโกสินทร์ตอนต้น (ท้องถิ่นภาคใต้) เป็นพระเจดีย์ทรงลังกาฐานสี่เหลี่ยมก่ออิฐถือปูน เป็นโบราณสถานเด่นบนยอดเขาริมทะเล
วัดเขาแก้แสน สามารถมองวิวทะลสาบสงขลาได้ มีโขดหิน หน้าผา ให้เราเดินไปสัมผัสกลิ่นไอทะเล
เนื่องด้วยวัดเก้าแสนอยู่บนยอดเขา ทำให้เราสามารถมองวิวทะเลแบบพาโนรามา 360 องศาได้เลย ซึ่งเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ทีมช่างภาพถ่ายพรีเวดดิ้งเลือกสถานที่แห่งนี้ให้กับว่าที่คู่บ่าวสาว
มองไปยังทางขวามือของเรา จะพบกับ 2 สะพานถอดยาวลงทะเล
สามารถลงไปยังชายหาดเดินเล่นเหยียบย่ำบนหาดทายขาว จะไปถ่ายรูปเก๋ๆ ก็ได้ด้วยนะเออ แต่ทางลงทางนี้คงไม่เหมาะ เพราะเป็นหน้าผาสูงชัน
ยัยตัวร้าย ยังหาทางลงไปยังชายหาดไม่ได้เลยค่ะ ดูๆ แล้วไม่มีทางลงแน่นอน อยากไปนั่งเล่นตรงโขดหินให้คลื่นกระทบเหมือนพี่ 2 คนนั้นจัง
บอกเลยว่า จุดชมวิวที่วัดเขาเก้าแสนสวยมาก ลองนึกภาพตาม ยัยตัวร้าย ดูนะคะ ยืนหันหน้าเข้าหาท้องทะเล กางแขน 2 ข้างตั้งฉากกับพื้น เหมือนเรายืนเป็นรูปตัวที แหงนหน้ามองท้องฟ้า สูดอากาศให้เต็มปอด ยืนรับลมชายทะเลที่มาปะทะ เป็นไงบ้างเอ๋ย รู้สึกสดชื่น เย็นสบายมั้ยเอ่ย ลองหาเวลาว่างจากการทำงาน แล้วมาพักผ่อนกันดู เหมือนเราได้มาชาร์ตแบต ชาร์ตพลัง มีแรงกลับไปทำงานกันต่อ
หินก้อนใหญ่ที่ตั้งอยู่ปลายโขดหิน แปลกใจหรือเปล่าคะว่า ทำไมต้องมีผ้าแพรสีมาผูกที่ก้อนหินด้วย
ตำนานเรื่องเล่า “หัวนายแรง”
จากตำนานมีเรื่องเล่าว่า เมื่อสมัยเมืองขึ้นของไทยทางมลายูเกิดแข็งค้อ นายแรงอาสาไปรบศึกจนได้รับชัยชนะ นายทัพฝ่ายไทยจึงแต่งตั้งให้นายแรงเป็นเจ้าเมือง เนื่องจากมีฝีมือยอดเยี่ยม และมีกำลังมาก ซึ่งเมืองที่นายแรงเป็นเจ้าเมือง เป็นเมืองขึ้นของนครศรีธรรมราช
ครั้นเมื่อเมืองนครศรีธรรมราชจะทำการบรรจุพระบรมสาริกธาตุในเจดีย์ และมีการจัดงานเฉลิมฉลองใหญ่โต ทำให้บรรดา 12 หัวเมืองปักษ์ใต้ ร่วมขนเงินทอง เพื่อร่วมทำบุญสร้างพระบรมสาริกธาตุ นายแรงซึ่งเป็นเจ้าเมืองก็ขนเงินทองจำนวนมากถึงเก้าแสน บรรทุกเรือสำเภาเดินทางไปยังเมืองนครศรีธรรมราช เพื่อร่วมทำบุญด้วย แต่ในขณะที่เดินทางด้วยเรือสำเภา ถูกคลื่นลมกระหน่ำซัดจนทำให้เรือชำรุด จึงจอดเรือที่ชายหาดแห่งหนึ่ง เพื่อซ่อมแซมเรือ ครั้นนายแรงได้ทราบข่าวว่า ทางเมืองนครศรีธรรมราชได้บรรจุพระบรมสาริกธาตุในเจดีย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งตัวนายแรงเอง มีความศรัทธาในพุทธศาสนา ทำให้เมื่อทราบข่าวดังกล่าว นายแรงมีอาการเศร้าโศกเสียใจยิ่งนัก นายแรงจึงสั่งให้ลูกเรือขนเงินทองบรรจุไว้บนยอดเขาลูกหนึ่ง และสั่งให้ลูกเรือตัดหัวของตนไปไว้บนยอดเขา ลูกเรือจำใจที่จะต้องตัดหัวเจ้านาย เมื่อนายแรงกลั้นใจตาย ลูกเรือจึงได้ตัดหัวของนายแรงตามคำสั่ง ไปไว้บนยอดเขา ซึ่งทำให้เขาลูกนี้เรียกว่า “เขาเก้าแสน” และเรียกเพี้ยนกันต่อๆ มาเป็น “เขาเก้าเส้ง” หินก้อนใหญ่บนยอดเขาจึงเรียกว่า “หัวนายแรง” ชาวบ้านจึงเชื่อว่าดวงวิญญานของนายแรงยังเป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์มาจนทุกวันนี้
มีทางลงซึ่งเดินไปสู่หาดชายหาดได้ ซึ่งทางเดินลงไม่อันตรายเหมือนกับอีกด้าน
หาดทรายขาว น้ำใสฟ้าคราม ทำให้มีนักท่องเที่ยวลงไปเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน
พระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า เมฆฝน ก็เริ่มทยอยกันมา เราต้องอำลา เขาเก้าแสนไว้ ณ เพียงเท่านี้ บ๊าย…บาย
อุปกรณ์ที่ใช้บันทึกภาพ
Body : Nikon D610
Lens : AF-S Nikkor 24-70 mm F2.8G ED
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมรีวิวค่ะ สามารถพูดคุยกันได้ที่
Face Book : ยัยตัวร้าย สะพายกล้อง / Bloggertrip
IG : @bloggertripth
Twitter : @iamdevilth
Leave a Reply