เรียนรู้วิถีชุมชน และวัตนธรรม ณ บ้านท่องเที่ยวไหม ชุมชนบ้านหัวสะพาน ตำบลบ้านยาง อำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์

เมืองปราสาทหิน ถิ่นภูเขาไฟ ผ้าไหมสวย รวยวัฒนธรรม

ได้ยินประโยคนี้ ก็คงเป็นที่รู้จัก ของคำขวัญประจำจังหวัดบุรีรัมย์

จังหวัดบุรีรัมย์ เส้นทางที่เป็นทางออกสู่ภาคตะวันออก เป็นเมืองแห่งความรื่นรมย์ เป็นเมืองน่าอยู่สำหรับคนในท้องถิ่น และเป็นเมืองที่น่ามาเยือนสำหรับคนต่างถิ่น

I am Devil ยัยตัวร้าย เคยมาเที่ยวบุรีรัมย์ 3 ครั้ง แต่ไม่เคยที่จะไปเที่ยวแหล่งชุมชนของจังหวัดบุรีรัมย์ และไม่เคยไปเยือนแหล่งทอผ้าไหม ผ้าพื้นเมืองประจำจังหวัดบุรีรัมย์ เลยสักครั้ง

ครั้งนี้ความตั้งใจที่จะมาเยือนจังหวัดบุรีรัมย์ คือ การท่องเที่ยงสัมผัสวิถีชุมชน วัฒนธรรม และการทอผ้าไหม ของจังหวัดบุรีรัมย์

การวางแผนในทริปนี้ เราจะเรียนรู้การทอผ้าไหม ที่ใหญ่ที่สุด และสวยที่สุดในจังหวัดบุรีรัมย์ อยู่ที่อำเภอพุทไธสง และอำเภอนาโพธิ์

เราจะพาไปสัมผัสวิถีชุมชน วัฒนธรรม และการทอผ้าไหม ของทั้ง 2 แหล่ง ได้แก่

DSCF3039-tile

DSC_0387-tile

 

การเดินทางไปยังจังหวัดบุรีรัมย์ สามารถเดินทางโดยรถยนต์, รถโดยสารประจำทาง, รถไฟ และเครื่องบิน ซึ่ง I am Devil ยัยตัวร้าย เลือกเดินทางโดยเครื่องบิน เราจองตั๋วเครื่องบินจากเว็บไซต์ www.traveloka.com

เว็บไซต์ www.traveloka.com ให้บริการจองที่พัก และจองตั๋วเครื่องบิน ที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย ได้เปิดบริษัทในไทย, สิงคโปร์, เวียดนาม, มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ (รวมทั้งหมด 6 ประเทศ) เมื่อเข้าหน้าเว็บไซต์ Traveloka มีการจัดเรียงเมนูที่เข้าใจง่าย และใช้โทนสีฟ้าทำให้ดูสบายตา สามารถเช็คโปรโมชั่น ตั๋วเครื่องบินราคาถูก และจองตั๋วเครื่องบินใน 3 ขั้นตอนง่ายๆ เราเลือกเส้นทางไป-กลับกรุงเทพฯ – บุรีรัมย์ ระบุวันเดินทางขาไป และขากลับ, จำนวนผู้โดยสาร และกดปุ่มค้นหาเที่ยวบินTVLK-001

 

เมื่อกดปุ่มการค้นหา จะโชว์สายการบินที่มีให้บริการไปยังบุรีรัมย์ เวลาของเที่ยวบิน และราคา ซึ่งเราเลือกไปบุรีรัมย์ จะโชว์สายการบินแอร์เอเชีย เมื่อเปรียบเทียบราคาจากเว็บไซต์แอร์เอเชียโดยตรง กับ ราคาของ Traveloka ใกล้เคียงกัน ไม่แตกต่างกันมากนัก ซึ่งตรงจากที่หลายๆ คนพูดถึงว่า Traveloka จะเก็บราคาจากหน้าเว็บไซต์หลักของสายการบินนั้นๆ ทำให้เราสามารถตรวจสอบราคาของทุกสายการบินได้  ถ้าหากเราเลือกเส้นทางอื่น เช่น เชียงใหม่ Traveloka จะโชว์ทุกสายการบินที่มีเที่ยวบินไปเชียงใหม่ ทำให้เราสามารถทราบราคาของแต่ละสายการบิน และมีเที่ยวบินเวลาใดบ้าง ทำให้เราเลือกราคาถูกที่สุดของเส้นทางนั้นๆ ได้

สายการบินแอร์เอเชีย จะมีเที่ยวบินวันละ 1 เที่ยวบิน เที่ยวบินจากกรุงเทพฯ – บุรีรัมย์ เวลา 12.25 น. – 13.20 น. และเที่ยวบินจากบุรีรัมย์ – กรุงเทพฯ เวลา 13.45 น. – 14.40 น.

และสายการบินนกแอร์ จะมีเที่ยวบินวันละ 2 เที่ยวบิน เที่ยวบินจากกรุงเทพฯ – บุรีรัมย์ เวลา 05.30 น. – 06.30 น. และเวลา 14.20 น. – 15.25 น.  และเที่ยวบินจากบุรีรัมย์ – กรุงเทพฯ เวลา 07.05 น. – 08.00 น. และเวลา 16.00 น. – 17.05 น.

TVLK-002-horz

 

เราเลือกเที่ยวบินทั้งไปและกลับ เรียบร้อย จะโชว์ป๊อบอัพข้อมูลรายละเอียดเที่ยวบินที่เราเลือก พร้อมทั้งราคา กดปุ่มจองเดี่ยวนี้ จะเข้าไปยังหน้ากรอกข้อมูลรายละเอียดของผู้โดยสาร กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน สามารถเลือกโหลดสัมภาระ และที่นั่งได้ด้วย เปรียบเสมือนการจองผ่านเว็บไซต์หลักของสายการบินนั้นเลย

ที่สำคัญไปกว่านั้น คือ ไม่มีค่าธรรมเพิ่มเติม เหมือนกับเราจองในเว็บไซต์ของสายการบินนั้นๆ โดยตรง ทำให้เราสามารถเปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบิน และราคาตั๋วเครื่องบินส่วนใหญ่จะถูกกว่าด้วย ทำให้เราวางแผนการเดินได้ง่ายมากขึ้นTVLK-004

 

ขั้นตอนการชำระเงิน ซึ่ง เว็บไซต์ Traveloka  รับชำระเงินหลากหลายช่องทางมากที่สุด อาทิ บัตรเครดิต, บัตรเดบิต, ชำระผ่านตู้ ATM, ชำระผ่านเค้าท์เตอร์เซอร์วิส, ชำระผ่าน 7-11 เป็นต้น มีให้เราเลือกหลากหลายช่องทาง เมื่อเปรียบเทียบกับสายการบินอื่นๆ ยังไม่มีช่องทางการชำระเงินมากขนาดนี้เลย แถมมีค่าธรรมเนียมในการใช้บัตรเพิ่มเติมอีกด้วย

I am Devil ยัยตัวร้าย ได้ทำการจองตั๋วเครื่องบิน ไป – กลับ บุรีรัมย์ กับ เว็บไซต์ Traveloka ครั้งแรก ประทับใจมากเลยค่ะ ไม่ต้องเสียเวลาเช็คเว็บไซต์ทีละสายการบิน แถมใช้งานง่าย รวดเร็วดี และเพิ่งทราบว่า ยังมี Mobile Application บนมือถือ แบบนี้แล้วยิ่งง่ายมาก

การจองตั๋วเครื่องบินผ่าน Traveloka นี้ง่าย เหมือนใครต่อใครหลายๆ คนพูดถึงเลย ตอนแรกก็ไม่มั่นใจว่าราคาจะถูกกว่าการจองในเว็บไซต์ของสายการบินนั้นๆ โดยตรง แต่สรุปแล้วราคาถูกกว่าจริง ซึ่งราคาจากหน้าหลักของเว็บไซต์มีราคาถูกกว่าก็จริง แต่พอกดจองตั๋วเครื่องบิน ยอดเงินชำระทั้งหมด แพงกว่าอยู่ดี เนื่องจากมีค่าธรรมเนียมการในใช้บัตรเพิ่มมาอีกด้วย เลยต้องกลับมาจอง Traveloka เหมือนเดิม ที่สำคัญ คือ เราค้นหาเที่ยวบินที่เราต้องการ Traveloka จะโชว์เที่ยวบิน และราคาของสายการบินนั้นๆ ที่ให้บริการเส้นทางที่เราเลือกในคราวเดียวกัน ซึ่งเราชอบมากๆ ไม่ต้องเสียเวลาเปิดเช็คทีละเว็บไซต์ของสายการบินนั้นๆ ทำให้ประหยัดเวลาไปได้เยอะจริงๆ ใครอยากจองตั๋วเครื่องบินรวดเร็วแบบนี้ ก็ต้องลองมาใช้บริการของ Traveloka ดูนะคะ สำหรับตัวของ I am Devil ยัยตัวร้าย รับรองว่าครั้งต่อไปจะเลือกใช้ เว็บไซต์ www.traveloka.com นี้อีกชัวร์ค๊า

อ้อลืมบอกไปเลยค่ะว่า Traveloka มีการบริการ Customer Service ผ่านทางโทรศัพท์ โทร. 02-118-5400 ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งสายการบินอื่นๆ ไม่มีบริการตลอด 24 ชั่วโมง อย่างนี้นะคะ และ ยังมี Mobile Application ให้โหลดใช้ ทั้ง iOS และ Android อีกด้วย

ปล. แอบเสียดาย เพิ่งมารู้ว่ามี Code ส่วนลด ในการจองด้วย ราคายิ่งถูกลงเข้าไปอีก แต่เสียใจ เปลี่ยนใจไม่ทันแล้ว เพราะได้ทำการจองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ช้ำใจมาก ฝากไว้ก่อนนะ Traveloka ครั้งหน้ารับรองไม่พลาดที่จะใส่ Code ส่วนลดด้วย

TVLK-012

 

เราเดินทางไป – กลับ บุรีรัมย์ ด้วยสายการบินเแอร์เอเชีย ไม่อยากมาต่อแถวเช็คอิน สามารถทำการเช็คอินล่วงหน้า ผ่านเว็บไซต์ , Mobile Application หรือ มาทำการเช็คอินที่ตู้เช็คอินอัตโนมัติ ที่สนามบินดอนเมืองได้เลยค่ะDSCF2522

 

เราใช้เวลาเดินทาง 55 นาที ก็มาถึงท่าอากาศยานบุรีรัมย์DSCF2526

 

เราไม่มีโหลดสัมภาระ เดินออกมายังภายในอาคารผู้โดยสารขาเข้า ซึ่งเราจะพบปราสาทพนมรุ้งจำลอง ตั้งอยู่ภายในอาคารท่าอากาศยานบุรีรัมย์DSCF3624

 

I am Devil ยัยตัวร้าย ศึกษาเส้นทางที่เราจะไปสัมผัสวิถีชุมชน และวัฒนธรรม ของอำเภอพุทไธสง และอำเภอนาโพธิ์ การเดินทางที่สะดวกที่สุด คือการ เช่ารถ ดีที่สุดDSCF2530

 

เราเลือกใช้บริการรถเช่าเจ้าประจำ นั่นคือ AVIS สามารถจองรถผ่านเว็บไซต์ www.avisthailand.com หรือผ่าน Call Center ที่เบอร์โทร 02-251-1131 -2 อย่าลืมนำบัตรประชาชน และใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ มายื่นต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อทำสัญญาเช่ารถ และบัตรเครดิต เพื่อกันวงเงินDSCF2534

 

AVIS สาขาบุรีรัมย์ เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อเดือนมีนาคม 2559 รถยังใหม่มาก เราได้ Toyata Artis 1.8 Auto มาเป็นเพื่อนร่วมทริปในครั้งนี้ DSCF2536

 

ก่อนจะเซ็นต์รับรถเช่า ควรจะตรวจสอบให้รอบคัน ว่ามีรอยเฉี่ยวชน ตรงไหนบ้างDSCF2539

 

แนะนำให้ซื้อประกันชั้น 1 ไว้ดีกว่า ราคาเพียงวันละ 321 บาท (ราคานี้รวม Vat 7%) ไร้ความกังวัลเมื่อเกิดอุบัติเหตุDSCF2541

 

ตรวจสอบขีดนำมันว่าเต็มถังหรือไม่ เพราะเวลาเราคืนรถเราต้องเติมน้ำมันเต็มถังคืนให้กับทาง AVISDSCF2542

 

เรากลัวหลง จึงเช่า GPS ด้วย ราคาเช่าวันละ 321 บาท (ราคานี้รวม Vat 7%) GPS ของ Garmin รองรับ ภาษาไทยด้วยนะDSCF2544

 

ตรวจสอบรถเรียบร้อย เซ็นต์เอกสารรับรถ พร้อมเดินทางDSCF2543

 

คนก็พร้อม คาดเข็มขัดนิรภัย ใช้สมอลทอร์คในการคุยโทรศัพท์ ปลอดภัยในการขับรถDSCF2548

 

เราจะเดินทางไปยัง อำเภอพุทไธสง และ อำเภอนาโพธิ์ ได้อย่างไร

  • จากท่าอากาศยานบุรีรัมย์ วิ่งตามทางหลวงหมายเลข AH121 มุ่งหน้าสู่ อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย ถึงสี่แยก พยัคฆภูมิพิสัย เลี้ยวซ้ายไปยังทางหลวงหมายเลข 202 ไปยังอำเภอพุทไธสง บ้านท่องเที่ยวไหม ชุมชนบ้านหัวสะพาน จะอยู่ถึงก่อนอำเภอพุทไธสง 5 กิโลเมตร อยู่ทางด้านขวามือ ทางซ้ายมือให้สังเกต หน่วยบริการทางหลวง ทางเข้าจะอยู่ตรงกันข้าม
  • จากบ้านท่องเที่ยวไหม ชุมชนบ้านหัวสะพาน ขับไปยังทางหลวงหมายเลข 202 เส้นทางอำเภอพุทไธสง จะเจอสี่แยก ขิงไค ให้เลี้ยวขวาไปยังทางหลวงหมายเลข 2332 มุ่งสู่อำเภอนาโพธิ์
  • จากตัวเมืองบุรีรัมย์ วิ่งตามทางหลวงหมายเลข 2074 มุ่งหน้าไปยังอำเภอพุทไธสง เจอสี่แยก ขิงไค ถ้าจะไปอำเภอนาโพธิ์ ให้ขับตรงไป และถ้าจะไปบ้านท่องเที่ยวไหม ชุมชนหัวสะพาน ให้เลี้ยวขวา ทางเข้าจะอยู่ซ้ายมือ Jpeg

 

เสิร์ชจาก google map ในการนำทางไปก็ได้ค่ะ

https://drive.google.com/open?id=1HeYPuKlnmEBbwi0rfBkRvUPGktg&usp=sharing

 

I am Devil ยัยตัวร้าย เลือกเส้นทาง จากท่าอากาศยานบุรีรัมย์ ไปตามทางหลวงหมายเลข AH121 มุ่งตรงไปยังอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย เจอสี่แยกพยัคฆภูมิพิสัย เลี้ยวซ้าย ขับไปตามทางหลวงหมายเลข 202 ก่อนถึงอำเภอพุทไธสง 5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง สังเกตทางซ้ายมือจะเป็นหน่วยบริการทางหลวง ซึ่งอยู่ตรงข้ามทางเข้า บ้านท่องเที่ยวไหม ชุมชนหัวสะพานDSCF2863

 

ทางเข้าจะอยู่ใกล้โรงเรียนวัดเทพรังสรรค์ บ้านหัวสะพาน อำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์DSCF2861

 

ขับเข้ามาประมาณ 1 กิโลเมตร จะเจอบ้านหัวสะพานหมู่ที่ 3 ทางขวามือDSCF2867

 

บ้านหัวสะพานหมู่ที่ 3 ตำบลบ้านยาง อำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์

เป็นหมู่บ้านปลูกหม่อนเลี้ยงไหมดีเด่น ระดับประเทศ ปี 2557 และเป็นฐาน ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม หมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมปลูกหม่อนเลี้ยงไหมสู่โอทอป (OTOP)

ติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ คุณวันทนา ผ้าไทย

เบอร์โทร : 089-579-8083

ID Line : 089-579-8083

FB : ผ้าไหมมัดหมี่ บ้านหัวสะพานDSCF2869

 

ชุมชนบ้านหัวสะพาน ตั้งอยู่ตำบลบ้านยาง อำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นหมู่บ้านต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียง ระดับพออยู่พอกิน ปี 2552 และหมู่บ้านปลูกหม่อนเลี้ยงไหมดีเด่น ระดับประเทศ ปี 2557

ชุมชนบ้านหัวสะพาน จะแบ่งเป็นฐาน ทั้งหมด 5 ฐาน ตามหมู่ ดังนี้

  • บ้านน้อย หมู่ที่ 3 ต.บ้านยาง อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ ฐาน ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม
  • บ้านหัวสะพาน หมู่ที่ 5 ต.บ้านยาง อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ ฐาน สาวไหม
  • บ้านหัวสะพาน หมู่ที่ 13 ต.บ้านยาง อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ ฐาน ทอผ้าไหม
  • บ้านหัวสะพานกลาง หมู่ที่ 14 ต.บ้านยาง อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ ฐาน ฟอกย้อมไหม
  • บ้านหัวสะพานใหม่ หมู่ที่ 18 ต.บ้านยาง อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ ฐานแปรรูป

DSCF2876

 

อาชีพหลักของคนในชุมชน จะทำนา ส่วนการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม จะเป็นอาชีพรอง ในอดีตเมื่อ 200 กว่าปีมาแล้ว การปลูกหม่อนเลี้ยงไหม การทอผ้า เป็นวิถีชีวิตของคนบ้านหัวสะพาน เพราะเป็นวัฒนธรรมที่ได้รับการสืบทอดมายาวนาน ผ้าไหมเป็นสิ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับคนในชุมชนหัวสะพาน ตั้งแต่เกิดจนตาย เพราะชาวหัวสะพาน อำเภอพุทไธสง ใช้ผ้าไหม และเส้นไหม ในพิธีกรรมทางศาสนา และวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น

ปัจจุบันผ้าไหมบ้านหัวสะพานได้รับการพัฒนาภูมิปัญญา จากความตั้งใจของกลุ่มฯ ที่จะอนุรักษ์ และฟื้นฟูวัฒนธรรมท้องถิ่น จึงได้มีการรวมกลุ่มจัดตั้งสหกรณ์ฯ เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2553 โดย ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ (บุรีรัมย์) ร่วมกับสหกรณ์จังหวัดบุรีรัมย์ สหกรณ์อำเภอพุทไธสง พร้อมด้วยสมาชิกผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม บ้านหัวสะพาน ภายใต้การสนับสนุนของกรมหม่อนไหม เพื่อดำเนินธุรกิจด้านการปลูกหม่อนการเลี้ยงไหมวัยอ่อน การเลี้ยงไหมวัยแก่ และการผลิตเส้นไหมให้ได้ตามมาตรฐานเส้นไหมหัตถกรรมพร้อมการบริหารจัดการดักแด้ไหม เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับอาชีพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม การผลิตเส้นไหมของเกษตรกรในบริเวณแถบนี้ ตลอดจนถ่ายทอดปัญญาดังกล่าวต่อกลุ่มชนรุ่นหลังต่อไปDSCF2961

DSCF2964

 

ชาวบ้านหัวสะพาน หมู่ 3, 5, 13, 14 และ 18 ตำบลบ้านยาง มีวิถีชีวิตที่เป็นอัตลักษณ์ในเรื่องการทอผ้าไหม เนื่องจากเป็นชุมชนที่มีการทอผ้าไหมทุกครัวเรือน ครบทุกขั้นตอน ตั้งแต่ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม จนกระทั่งทอผ้าเป็นผืนผ้า จนในปัจจุบันได้รับการพัฒนาเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมDSCF3026

ชาวบ้านหัวสะพานจะมีการปลูกหม่อนแทบทุกครัวเรือนDSCF3049

DSCF3051

I am Devil ยัยตัวร้าย ไม่ได้ไปสัมผัสวิถีชีวิตของชาวบ้านหัวสะพานทุกหมู่ ไปเฉพาะหมู่ที่ 3 เท่านั้นDSCF3028

 

คุณป้าท่านนี้ จะพา I am Devil ยัยตัวร้าย ไปดูวิธีการตั้งแต่ ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม คัดแยกรังไหมใส่จ่อ สาวรังไหม และวิธีการทอผ้า ซึ่งคุณวันทนี ติดภาระกิจไม่สามารถนำชมได้ด้วยตนเองDSCF3052

ห้องเลี้ยงไหม ชาวบ้านหัวสะพานมักทำโรงเรือนไว้ใต้ถุนบ้าน มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก และคลุมด้วยมุ้งไนล่อน เพื่อป้องกันแมลงDSCF3048

 

การเลี้ยงไหม จะเลี้ยงไว้ในกระด้ง หรือกระบะ เป็นวิธีที่ปฏิบัติมาดั้งเดิมDSCF3029

 

ภายในห้องเลี้ยงใหม่ จะมีชั้นวางกระด้ง หรือกระบะ ซึ่งชั้นวางกระด้งทำมาจากไม้ ต่อเป็นชั้นๆDSCF3031

DSCF3043

ไหม แบ่งออกเป็น 4 ระยะ ได้แก่ ไข่ ตัวหนอน ดักแด้ และผีเสื้อ วงจรชีวิตไหมจะเริ่มต้นจากไข่ ใช้เวลาฟักตัวประมาณ 9-10 วัน กลายเป็นหนอนไหม ในระยะนี้หนอนไหมจะกินใบหม่อนเป็นอาหาร และนอนประมาณ 4-5 ช่วง ใช้เวลาประมาณ 22-26 วัน พอหนอนไหมแก่ หรือสุกจะชักใยทำรังหุ้มตัวเอง ตัวไหมจะลอกคราบเป็นตัวดักแด้อยู่ในรัง ช่วงเป็นรังไหมใช้เวลาประมาณ 8-10 วัน จากนั้นดักแด้ก็จะกลายเป็นผีเสื้อ ผีเสื้อไหมจะใช้น้ำลายซึ่งมีฤทธิ์เป็นด่างละลายใยไหม และเจาะรังไหมออกมาผสมพันธุ์ และวางไข่ โดยจะมีชีวิตอยู่ในช่วงนี้ประมาณ 2-3 วัน ก็จะตายDSCF3039

 

ตัวหนอนไหม ชาวบ้านจะได้รับมาจาก กรมหม่อนไหมDSCF3034

 

ไหมที่เราเห็น คือ ไหมวัยแก่ หมายถึง การเลี้ยงไหมนับตั้งแต่หนอนไหมตื่นจากนอนวัย 3 จนถึงไหมสุกทำรัง ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 11 – 13 วัน

การให้ใบหม่อนสามารถเก็บใบหม่อนได้ทั้งช่วงเช้า และบ่ายที่แสงแดดไม่ร้อนจัดมาก และเก็บใบหม่อนที่เจริญสมบูรณ์เต็มที่ และมีคุณภาพดี เป็นใบสีเขียวที่สังเคราะห์แสงได้เต็มที่ และอยู่ในช่วงกลางของกิ่งลงมาDSCF3046

 

เราได้ดูวิธีการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ซึ่งเป็นของชาวบ้านหมู่ที่ 3 คุณป้าจะพาเราไปดูวิธีการขั้นตอนต่อไปภายในหมู่บ้านกันค่ะDSCF3053

 

เมื่อหนอนไหมที่กินใบหม่อนเต็มที่แล้ว ใช้เวลาประมาณ 5 – 6 วัน ไหมก็จะเริ่มสุก หยุดกินใบหม่อน ระยะนี้หนอนไหมพร้อมที่จะพ่นใยไหมออกมาเพื่อห่อหุ้มตัว เรียกว่า ไหมทำรัง

หากเป็นไหมไทย จะสังเกตได้ง่าย คือ ลำตัวหนอนไหมจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองใส เพราะภายในของตัวหมอนไหมส่วนที่เป็น Silk – grand ก็จะเต็มไปด้วยสารพ่นใยไหม DSCF3055

 

จ่อเลี้ยงไหม จะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 เมตร จะวางเป็นชั้นๆ คลุมด้วยมุ้งไนล่อน เพื่อป้องกันแมลงDSCF3060

 

การเก็บไหมสุกเข้าจ่อ จะต้องเก็บไหมสุกเข้าจ่อก่อนที่ไหมสุกจะพ่นเส้นใยทำรัง เพราะจะกระทบต่อผลผลิตรังไหมDSCF3063

 

การเก็บเกี่ยวรังไหม ให้หนอนไหมทำรังอยู่ในจ่อประมาณ 5-6 วัน จึงทำการเก็บรังไหมออกจากจ่อ จากนั้นนำรังไหมไปทำการสาวเส้นไหมต่อไปDSCF3057

DSCF3059

 

คุณป้า กำลังคัดรังไหม โดยแยกรังดี กับรังไหมเสีย ออกจากกันDSCF3010

DSCF2998

 

การคัดรังไหม ควรระมัดระวังอย่าทำให้รังไหมกระทบกระเทือน เพราะจะทำให้ผนังลำตัวดักแด้แตก หรือตายได้DSCF3007

 

รังไหมที่เสีย คัดออก ไม่นำไปสาวไหมDSCF3003

 

การสาวไหม คือ การดึงเอาเส้นไย ออกจากรังไหม รังไหมที่พร้อมจะสาว จะต้องสาวภายใน 10 วัน DSCF2979

 

การสาวไหม จะใช้วิธีนำรังไหมไปต้ม เพื่อทำลายกาวที่ผนึกเส้นไยที่อัดแน่นออกจากกัน แล้วดึงเอาเส้นไยออกมาตาม   กรรมวิธีของการสาวไหมDSCF2968

DSCF2982

 

น้ำที่ใช้ต้มรังไหมควรเป็นน้ำสะอาด ไม่ขุ่น มีความเป็นกรด – ด่างปานกลาง เช่น น้ำฝน น้ำประปาที่ใส่โอ่งเก็บไว้นาน ต้มให้ร้อนแต่ไม่เดือด โดยสังเกตเห็นไอน้ำที่ปากหม้อ และฟองอากาศเล็กๆ ลอยออกมาทั่วปากหม้อ หรือใช้นิ้วจุ่มดู รู้สึกว่าร้อน มีอุณหภูมิประมาณ 82-89 องศาเซลเซียส นำรังไหมที่เตรียมไว้ลงต้มในหม้อ 2 กำมือใหญ่ (ประมาณ 120-150 รัง) ใช้ไม้คีบกดรังไหมให้จมน้ำไปมา 4 – 5 ครั้ง นาน 1 – 2 นาที เรียกว่า การต้มรังไหม จากนั้นยกไม้คีบเกลี่ยรังไหมขึ้น ปมเส้นไหมจะหลุดจากรังไหมติดไม้คีบขึ้นมาDSCF2970

DSCF2986

 

เส้นไหมที่ได้นั้น จะได้มาจาการดึงเส้นใยจากหลายๆ รังรวมกันเป็นเส้นเดียวในการสาวคราวเดียวกัน เพื่อให้เส้นไหมของแต่ละรังพันกันเป็นเกลียว ทำให้เกิดการเกาะยึดซึ่งกันและกัน มีความเหนียวทนทาน เนื้อเส้นไหมกระชับแน่นDSCF2974

DSCF2989

 

สาวเส้นไหมออกจากรังจนเห็นตัวดักแด้ ให้ตักออกDSCF2973

DSCF2991

 

ตัวดักแด้ สามารถกินได้เลย โดนต้มจนสุกแล้ว ขอบอก I am Devil ยัยตัวร้าย ชอบมากเลย โดยเฉพาะตัวไหมทอด เจอเมื่อไหร่จะซื้อกินทุกครั้ง รสชาติออกหวานๆ เคี้ยวกรุบๆ อร่อยไปอีกแบบDSCF2993

 

เมื่อสาวไหมเสร็จแล้ว ให้นำเส้นไหมออกจากภาชนะที่ใส่ตากผึ่งลมให้แห้ง DSCF3072

 

นำเส้นไหมที่ผึ่งแห้งแล้ว ไปกรอทำเข็ดไหม หรือไจไหม เครื่องทำใจไหม ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า “เหล่ง” หล่งที่ใช้ส่วนใหญ่จะมีขนาดมาตรฐาน คือ เส้นรอบวง 150 เซนติเมตร เมื่อทำเป็นไจแล้วจะได้เส้นไหมหนักใจละประมาณ 100 กรัมDSCF2995

 

เราไม่ได้ดูขั้นตอนการตีเกลียว และการย้อมสี ซึ่ง I am Devil ยัยตัวร้าย จะพาไปชมที่ ศูนย์ผ้าไหม บ้านโนโพธิ์ กันค่ะ

คุณยายกำลังหวี่ผ้า ซึ่งเรียกว่า โฮก เป็นการลงน้ำแป้งให้เส้นไหมให้แข็ง ไม่อย่างนั้นจะทอผ้าไหมไม่ได้DSCF2949

 

การสืบหูก หรือการผูกไหม เป็นวิธีการต่อไหมแบบดั้งเดิมDSCF2922

 

นำเครือไหมมาต่อกัน ให้เป็นเส้นเดียวกันDSCF2933

DSCF2935

 

การสืบหูก หรือต่อผ้าไหม จะใช้กาวในการต่อ ซึ่งทำมาจากข้าวนึ่งแช่น้ำ จะเป็นกาวชั้นดีเลยทีเดียวDSCF2931

 

ต้องใช้มือต่อทีละเส้น กว่าจะได้แต่ละเส้นใช้เวลานาน ต้องอาศัยความชำนาญในการต่อ ให้ I am Devil ยัยตัวร้าย สืบหูก ไม่แน่ใจว่า 1 เดือนจะเสร็จหรือเปล่าDSCF2929

 

หน้าตาเส้นไหมที่ทำการสืบหูก เป็นที่เรียบร้อยDSCF2936

 

การทอผ้าจะเป็นอาชีพอีกอาชีพหนึ่งของชุมชนบ้านหัวสะพาน ซึ่งทุกหลังได้มีการทอผ้าเอง เป็นการเเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัวอีกทางหนึ่งDSCF3012

DSCF3022

 

บริเวณอาคารผลิตภัณฑ์ OTOP จะเป็นจุดเรียนรู้ชุมชนบ้านยาง ซึ่งชาวบ้านก็จะมาทอผ้าที่นี่ด้วยDSCF2904

 

คุณวันทนา สาธิตการทอผ้าไหมDSCF2913

DSCF2911

DSCF2918

 

ผ้าไหม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนบ้านหัวสะพาน คือการทอผ้าไหมมัดหมี่เชิงแดง หรือ ผ้าซิ่นแดง ตีนจกDSCF2906

 

สินค้าผลิตภัณฑ์ OTOP ผ้าไหมมัดหมี่เชิงแดง ราคาเริ่มต้นที่ ผืนละ 2,500 บาท DSCF2880

 

ผ้าไหมมัดหมี่ เริ่มต้นที่ราคาผืนละ 2,500 บาทDSCF2900

 

ผ้าไหมมัดหมี่เชิงแดง ลายที่มีมาตั้งแต่โบราณ ถือว่าเป็นลายที่สืบทอดกันมาจนถึงรุ่นลูก รุ่นหลาน ได้แก่

ผ้าไหมมัดหมี่เชิงแดง ลายบันไดสวรรค์DSCF2882

DSCF2895

 

ผ้าไหมมัดหมี่เชิงแดง ลายหมากหวายDSCF2884

DSCF2898

 

ผ้าไหมมัดหมี่เชิงแดง ลายนกยูง

เป็นลายประบุกต์ เอามาใส่ดิ้นทอง เพื่อเพิ่มมูลค่า ราคาจะอยู่ที่ 3,000 – 4,000 บาท ต่อผืนDSCF2890

 

ลายประยุกต์ จากที่คุณวันทนา ได้บอก คือลายที่ไม่ใช่ลายดั้งเดิมโบราณ ผ้าทอในผืนนั้นจะมีลวดลายต่างๆ มาประยุกต์ ให้เกิดความสวยงามของแต่ละลวดลาย อย่างเช่น ลายที่หุ่นใส่ตัวตรงกลาง ผ้าไหมมัดหมี่จะเป็นลายนพเกล้า ซึ่งเป็นลายประยุกต์ และเป็นลายที่ขายดีอีกลายหนึ่งDSCF2888

 

สามารถนำมาตัดเป็นเสื้อ เป็นผ้านุ่งได้อย่างสวยงามDSCF2893

 

กว่าจะมาเป็นผ้าไหมแต่ละผืน ต้องใช้เวลานานไม่ต่ำกว่า 1 เดือน เริ่มตั้งแต่ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม คัดรังไหมลงจ่อ การสาวไหม จนกระทั้งทอผ้าออกมาเป็นผืน ราคาต่อผืนไม่แพงเลย เมื่อเทียบกับขั้นตอนการผลิต

การทอผ้าไหมของชุมชนบ้านหัวสะพาน ยังคงเป็นหมู่บ้านที่ยังดำรงวัฒนธรรม วิถีชุมชน ได้เป็นอย่างดี เป็นหมู่บ้านต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียง และยังเป็นหมู่บ้านการเลี้ยงหม่อนไหมดีเด่นระดับประเทศ

I am Devil ยัยตัวร้าย ได้มาสัมผัสวิถีชุมชน วัฒนธรรมของชาวบ้านหัวสะพาน และได้เรียนรู้การปลูกหม่อนเลี้ยงไหม จนกระทั้งทอผ้า เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ไม่สามารถหาได้ในห้องสมุด ลองเปลี่ยนมาท่องเที่ยงเชิงวัฒนธรรมกันดูบ้างค่ะ แล้วเราจะได้สัมผัสวิถีชุมชนกันมากขึ้น

ขอขอบคุณ คุณวันทนา ที่ได้มาเป็นวิทยการในการเรียนรู้ บ้านท่องเที่ยวไหม ชุมชนบ้านหัวสะพาน

ขอขอบคุณ ชาวบ้านสะพานน้อย หมู่ที่ 3 ตำบลบ้านยาง อำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์ ทุกท่าน ที่เอื้อเฟื้อให้เข้าชมในการสาธิตต่างๆ

ขอขอบคุณ การท่องเที่ยว และกีฬา จังหวัดบุรีรัมย์ สำหรับข้อมูลเส้นทางในการรีวิวครั้งนี้

ขอขอบคุณ AVISThailand สำหรับรถเช่า เพื่อให้การเดินทางทริปนี้ เดินทางสะดวกมากขึ้น

ขอขอบคุณ ข้อมูลการทอผ้า จากเว็บไซต์ >>>>>>ภูมิปัญญาการทอผ้าไหมพื้นบ้าน และ

ขอขอบคุณ ข้อมูลการเลี้ยงหนอนไหม จากเว็บไซต์ >>>>> กรมหม่อนไหม

DSCF2909

 

ตามไปเรียนรู้วิถีชุมชน วัฒนธรรม การทอผ้าไหม ณ มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพพิเศษ บ้านนาโพธิ์ ในสมเด็จพระนางเจ้า       สิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ตำบลนาโพธิ์ อำเภอนาโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมย์

DSC_0388-tile

 

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมรีวิวค่ะ สามารถพูดคุยกันได้ที่

Face Book : ยัยตัวร้าย สะพายกล้อง / Bloggertrip

IG : @bloggertripth

Twitter : @iamdevilth

 

สามารถติดตามข่าวสาร หรืออัพเดท ที่เที่ยวใหม่ๆ ได้ที่ Mobile App Buriram Magic

App Go2Buriram

และ Mobile App Go2Buriram

Buriram Magic

Share Button
2 Responses
Leave a Reply